ศูนย์ชีวารักษ์

CHG Cancer Center, การรักษามะเร็ง, การแพทย์, ความเป็นเลิศ, คำถามยอดฮิต, คีโม, จุฬารัตน์, จุฬารัตน์ 3, ชีวารักษ์, ผู้ป่วยมะเร็งเต้านม, มะเร็ง, มะเร็งรักษาได้, มะเร็งรู้เร็วรักษาได้, มะเร็งเจอเร็วรักษาหายขาด, มะเร็งเต้านม, รพ, รักษา, รักษาโรคมะเร็ง, รู้เร็วตรงจุดรักษาได้ทันที, รู้เร็วรักษาได้, ศูนย์ความเป็นเลิศ, ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์, ศูนย์ชีวารักษ์, ศูนย์มะเร็งชีวารักษ์, ศูนย์มะเร็งชีวารักษ์ CHG Cancer Center, เคมีบำบัด, โรคมะเร็ง, โรงพยาบาล, โรงพยาบาล จุฬารัตน์3
เนื้อสัตว์และเนื้อแดงเร่งมะเร็งจริงหรือ?

ความเชื่อที่ว่าเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว ซึ่งเป็นเนื้อแดง หรือเนื้อไก่ เป็นตัวเร่งให้เกิดมะเร็งนั้นไม่ถูกต้องทั้งหมด รูปแบบการบริโภคอาหารของคนไทยแตกต่างจากประเทศตะวันตกซึ่งมักจะรับประทานเนื้อสัตว์ในปริมาณมากถึง 400 กรัมต่อมื้อ เช่น เนื้อสเต็กเป็นก้อนใหญ่ ขณะที่อาหารไทยมักมีเนื้อหมูหรือเนื้อไก่เป็นเพียงส่วนประกอบเล็กๆ ใน “กับข้าว” และมีผักเป็นส่วนประกอบหลัก ดังนั้น ปริมาณของเนื้อแดงหรือเนื้อสัตว์ในอาหารไทยจึงไม่ได้มากเกินไปและไม่ก่อให้เกิดปัญหา

การหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์โดยเด็ดขาดเป็นความเชื่อที่ผิดและอาจทำให้ได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน ร่างกายต้องการสารอาหารหลากหลายจากทั้งพืชและสัตว์เพื่อสุขภาพที่ดี

เป็นมะเร็งให้กินแต่เนื้อปลา งดเนื้อสัตว์ งดนมวัว งดไข่เพราะเป็นของแสลง?

ความเชื่อที่ว่าผู้ป่วยมะเร็งต้องงดเนื้อสัตว์ นมวัว และไข่เป็นของแสลงนั้นไม่ถูกต้อง และอาจก่อให้เกิดผลเสีย การรับประทานอาหารที่เหมาะสมไม่ว่าจะป่วยหรือไม่ป่วย ยังคงควรยึดตามแนวทางของการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ซึ่งรวมถึงเนื้อ นม ไข่ ผัก และผลไม้

ร่างกายไม่สามารถต้านทานหรือต่อสู้กับมะเร็งได้หากขาดสารอาหารประเภทใดประเภทหนึ่งไป โดยเฉพาะเมื่อเจ็บป่วย ร่างกายที่ไม่แข็งแรงยิ่งต้องการสารอาหารเข้าไปช่วยให้ร่างกายต่อต้านความเสื่อมโทรมต่างๆ

การรับประทานเนื้อปลาหรือน้ำมันตับปลาที่มีกรดไขมันโอเมกา-3 อาจมีประโยชน์ในการลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ อย่างไรก็ตาม ไม่พบว่าลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งได้

ไขมันสัตว์เร่งมะเร็งจริงหรือ?

ไขมันสัตว์เป็นสารอาหารที่ร่างกายต้องการในปริมาณที่เหมาะสม การตัดไขมันสัตว์โดยสิ้นเชิงนั้นมีผลเสีย การรับประทานแต่อาหารประเภทแป้งและน้ำตาล หากพลังงานจากสารอาหารเหล่านี้ถูกใช้ไม่หมด ร่างกายจะแปรรูปไปเก็บไว้ในรูปของไขมันสะสม ไม่ใช่จากการรับประทานไขมันโดยตรง ดังนั้น ปริมาณ ชนิด และสัดส่วนของอาหารจึงสำคัญกว่าการตัดอาหารกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งออกไป

ปัจจัยที่ก่อให้เกิดมะเร็งไม่ได้มาจากไขมัน แต่มาจากน้ำหนักส่วนเกิน ซึ่งมาจากการรับประทานอาหารปริมาณมาก ผิดสัดส่วน และขาดการออกกำลังกาย

กินมังสวิรัติต้านมะเร็งได้หรือไม่ ? 

อาหารมังสวิรัติมีคุณค่าในการเสริมสุขภาพหลายประการ โดยที ส่วนใหญ่มีปริมาณไขมันอิ มตัวตํ าและ มีเยื อไฟเบอร์และวิตามินสูง ซึ งมีส่วนลดการเกิดไขมันอุดตันในเส้นเลือดและโรคหัวใจ อย่างไรก็ตามข้อมูลทาง การแพทย์ในปัจจุบันไม่พบว่าการกินมังสวิรัติสามารถป้ องกันมะเร็งได้ ตรงกันข้ามมีรายงานการวิจัยพบว่า ผู้ที รับประทานมังสวิรัติระยะต่อเนื องยาวนาน มีอัตราการสูญเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเต้านมสูงกว่ากลุ่มที รับประทานอาหารที มีเนื อสัตว์ตามปรกติ ทั งยังยังพบว่ามีอุบัติการณ์ของมะเร็งเต้านมสูงกว่าประชากรทั วไป ส่วนการรับประทานถั วเหลืองและผลิตภัณฑ์จากถั วเหลืองปริมาณมาก ๆอาจเพิ มความเสี ยงต่อการเกิด มะเร็งเต้านมหรือมะเร็งเยื อบุผนังมดลูกนั น เนื องจากในถั วเหลืองมีสารออกฤทธิ คล้ายฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตร เจน 

ข้อแนะนําสําหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมคือรับประทานอาหารประเภทถั วเหลืองในปริมาณพอประมาณ และหลีกเลี ยงอาหารเสริมหรือผลิตภัณฑ์ที สกัดจากถั วเหลืองที มีความเข้มข้นสูงที ใช้ทดแทนฮอร์โมน

วิตามินซีปริมาณสูงต้านมะเร็ง?

คำแนะนำในการให้วิตามินซีปริมาณสูงเพื่อป้องกันและรักษามะเร็งเป็นที่นิยมมานาน โดยทฤษฎีนี้วิจัยในคนไข้มะเร็งระยะสุดท้ายจำนวนไม่กี่รายและไม่มีการศึกษาเปรียบเทียบ ต่อมาได้มีการศึกษาเปรียบเทียบอย่างเป็นระบบในผู้ป่วยจำนวนมาก พบว่าการได้รับวิตามินซีขนาดสูงไม่ได้ส่งผลใด ๆ ต่อมะเร็งเลย และที่น่าสนใจคือผู้เสนอทฤษฎีนี้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งเอง

CHG Cancer Center, การรักษามะเร็ง, การแพทย์, ความเป็นเลิศ, คีโม, จุฬารัตน์, จุฬารัตน์ 3, ฉายรังสี, ชีวารักษ์, ผู้ป่วยฉายรังสี, มะเร็ง, มะเร็งรักษาได้, มะเร็งรู้เร็วรักษาได้, มะเร็งเจอเร็วรักษาหายขาด, รพ, รักษา, รักษาโรคมะเร็ง, รู้เร็วตรงจุดรักษาได้ทันที, รู้เร็วรักษาได้, ศูนย์ความเป็นเลิศ, ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์, ศูนย์ชีวารักษ์, ศูนย์มะเร็งชีวารักษ์, ศูนย์มะเร็งชีวารักษ์ CHG Cancer Center, เคมีบำบัด, เต้านม, โรคมะเร็ง, โรงพยาบาล, โรงพยาบาล จุฬารัตน์3
มะเร็งหายได้ด้วยแพทย์ทางเลือก?

การแพทย์ทางเลือกได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน มีการรายงานว่าหายจากมะเร็งได้ด้วยวิธีนี้ แต่จากข้อมูลผู้ใช้การแพทย์ทางเลือกในประเทศไทยพบว่า:

  • ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบันจนครบคอร์สแล้วและเกิดผลข้างเคียงจากการรักษา เมื่อร่างกายฟื้นตัวขึ้น อาจเข้าใจผิดว่าการที่มะเร็งหายมาจากการใช้แพทย์ทางเลือกที่รับในภายหลัง
  • กลุ่มที่เชื่อในแนวทางแพทย์ทางเลือกมักมีการศึกษาดี และหาข้อมูลจากสื่อต่าง ๆ แต่กลับละเลยแพทย์แผนปัจจุบัน หลายรายกลับมารักษาหลังจากเจอครั้งแรก 1-2 ปี ทำให้หมดโอกาสในการรักษาแต่แรก โอกาสการหายก็น้อยลงและมะเร็งลุกลามไปไกลเกินกว่าจะแก้ไขได้
  • ผู้หญิงบางรายที่ไม่ได้เป็นมะเร็ง แต่ได้รับการตรวจพบก้อนในเต้านมและแพทย์สันนิษฐานว่าอาจเป็นมะเร็ง หันไปหาแพทย์ทางเลือกโดยไม่ได้ตรวจละเอียด ซึ่งในความจริงอาจเป็นซีสต์ที่หายได้เองเมื่อปล่อยไว้นาน ๆ
  • ผู้ป่วยมะเร็งชนิดไม่ลุกลาม เช่น มะเร็งเต้านมระยะเริ่มแรก ที่ได้รับการวินิจฉัยและคว้านชิ้นเนื้อเพื่อตรวจ เป็นการรักษาในตัวเอง ผู้ป่วยอาจเข้าใจผิดว่าหายจากมะเร็งเพราะแพทย์ทางเลือก
  • แพทย์ทางเลือกบางรายผสมยาเคมีบำบัดในยาสมุนไพร ซึ่งอ้างว่ารักษามะเร็งได้ แต่เป็นการรับยาในปริมาณที่ไม่เพียงพอและไม่เหมาะสม สุดท้ายทำให้มะเร็งดื้อยา

คำแนะนำคือ อย่าทิ้งการรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบัน เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียใจหากแนวทางที่เลือกไปไม่ประสบผล อย่าลืมว่าการปล่อยเวลาให้ผ่านไปเท่ากับเป็นการปล่อยให้เซลล์มะเร็งโตขึ้นทุกวัน

สรุป

การรักษามะเร็งควรพิจารณาการรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบันเป็นหลัก และไม่ควรละเลยการรับประทานอาหารที่ครบถ้วนและสมดุล

สอบถามและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เบอร์ติดต่อ 0638166058

สอบถามข้อมูลการรักษา

เพิ่มเพื่อน

แชร์บทความ
thTH
X