មជ្ឈមណ្ឌលជីវ៉ារ៉ាក់

ภาพแสดงผู้ป่วยกำลังรับการรักษาด้วยเคมีบำบัดในโรงพยาบาล โดยมีแพทย์หรือพยาบาลอธิบายตัวเลือกการรักษาผ่านแท็บเล็ต พื้นหลังประกอบด้วยกราฟข้อมูลทางการแพทย์และหน้าจอแสดงค่าสัญญาณชีพ

เคมีบำบัดมีกี่สูตร ตรวจอะไรบ้างก่อนรับคีโม

เคมีบำบัด (Chemotherapy) หรือ คีโม เป็นหนึ่งในวิธีรักษามะเร็งที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยมีสูตรการรักษาหลายแบบ ซึ่งแพทย์จะเลือกใช้ตามชนิดของมะเร็ง ระยะของโรค และเป้าหมายของการรักษา นอกจากนี้ ก่อนเข้ารับเคมีบำบัด ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการตรวจสุขภาพอย่างละเอียดเพื่อความปลอดภัย บทความนี้จะพาทุกคนไปรู้จักสูตรของคีโมและการเตรียมตัวก่อนรับการรักษา

สูตรของเคมีบำบัดมีกี่แบบ?

สูตรของเคมีบำบัดแบ่งออกเป็นหลายประเภท โดยแต่ละสูตรมีเป้าหมายและข้อดีแตกต่างกันไป ดังนี้:

1. เคมีบำบัดแบบเดี่ยว (Single-agent chemotherapy)

เป็นการใช้ยาเคมีบำบัดเพียงชนิดเดียว ซึ่งมักใช้ในมะเร็งบางชนิดที่ตอบสนองดีต่อยาเดี่ยว เช่น

2. เคมีบำบัดแบบผสม (Combination chemotherapy)

ใช้ยาหลายชนิดร่วมกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการฆ่าเซลล์มะเร็งและลดโอกาสดื้อยา ตัวอย่างเช่น

3. เคมีบำบัดแบบพุ่งเป้า (Targeted chemotherapy)

เป็นการใช้ยาเคมีบำบัดร่วมกับยาพุ่งเป้า เช่น

  • Trastuzumab (Herceptin) สำหรับมะเร็งเต้านมชนิด HER2+
  • Bevacizumab สำหรับมะเร็งปอดและมะเร็งลำไส้ใหญ่

4. เคมีบำบัดแบบปรับขนาดยา (Dose-dense chemotherapy)

เป็นการให้ยาในปริมาณที่ถี่ขึ้นแต่ลดขนาดลง เพื่อให้มีผลการรักษาที่ดีขึ้น เช่น AC-T แบบ dose-dense ในมะเร็งเต้านม

5. เคมีบำบัดแบบให้ก่อนผ่าตัด (Neoadjuvant chemotherapy)

ให้คีโมก่อนการผ่าตัดเพื่อลดขนาดก้อนมะเร็ง เช่น

  • Paclitaxel + Carboplatin ในมะเร็งปอด

6. เคมีบำบัดแบบให้หลังผ่าตัด (Adjuvant chemotherapy)

ใช้ทำลายเซลล์มะเร็งที่อาจเหลือหลังการผ่าตัด เช่น

  • FOLFOX หลังการผ่าตัดมะเร็งลำไส้ใหญ่

7. เคมีบำบัดแบบเพื่อประคับประคอง (Palliative chemotherapy)

ใช้ในผู้ป่วยระยะลุกลามเพื่อลดอาการและยืดอายุ เช่น

  • Capecitabine ในมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะ 4

ก่อนรับเคมีบำบัดต้องตรวจอะไรบ้าง?

ก่อนเริ่มการรักษาด้วยเคมีบำบัด แพทย์จะทำการตรวจสุขภาพอย่างละเอียด เพื่อประเมินความพร้อมของร่างกายและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น โดยการตรวจที่สำคัญ ได้แก่

1. ตรวจเลือด (Blood Test)

  • CBC (Complete Blood Count) ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด เพื่อดูว่าร่างกายสามารถรับเคมีบำบัดได้หรือไม่
  • LFT (Liver Function Test) ตรวจการทำงานของตับ เพราะตับเป็นอวัยวะที่ช่วยขับสารพิษจากยา
  • RFT (Renal Function Test) ตรวจการทำงานของไต เพราะคีโมบางชนิดอาจทำให้ไตเสียหาย
  • Electrolytes & Albumin ตรวจระดับเกลือแร่และโปรตีนในร่างกาย

2. เอกซเรย์ปอดหรือ CT Scan

เพื่อตรวจสอบว่ามีการแพร่กระจายของมะเร็งไปที่ปอดหรือไม่

3. ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) หรือ Echo Cardiogram

สำหรับผู้ป่วยที่ต้องใช้ยาที่อาจมีผลต่อหัวใจ เช่น Doxorubicin หรือ Trastuzumab

4. ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด

เพื่อป้องกันภาวะน้ำตาลสูงที่อาจเกิดจากยาเคมีบำบัด โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน

5. ตรวจไวรัสตับอักเสบบีและซี (HBV, HCV Screening)

หากพบว่าผู้ป่วยมีเชื้อไวรัสตับอักเสบบี อาจต้องได้รับยาป้องกันการกระตุ้นไวรัสโดยคีโม

6. ตรวจพันธุกรรม (Genetic Testing)

เช่นการตรวจ HER2, KRAS, PD-L1 หากแพทย์วางแผนให้ยาพุ่งเป้า

สรุป

  • สูตรคีโมมีหลายแบบขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็งและเป้าหมายของการรักษา
  • ก่อนให้คีโมต้องตรวจสุขภาพอย่างละเอียด โดยเฉพาะการตรวจเลือด หัวใจ ปอด และการทำงานของตับและไต
  • การเตรียมตัวที่ดีช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพและลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

หากคุณหรือคนใกล้ตัวกำลังเตรียมตัวรับเคมีบำบัด ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมที่สุด และอย่าลืมดูแลสุขภาพให้แข็งแรงพร้อมรับการรักษา

ภาพแสดงผู้ป่วยกำลังรับการรักษาด้วยเคมีบำบัดในโรงพยาบาล โดยมีแพทย์หรือพยาบาลอธิบายตัวเลือกการรักษาผ่านแท็บเล็ต พื้นหลังประกอบด้วยกราฟข้อมูลทางการแพทย์และหน้าจอแสดงค่าสัญญาณชีพ

សាកសួរ និងពិគ្រោះជាមួយគ្រូពេទ្យជំនាញ ទំនាក់ទំនងលេខ 0638166058

សួរព័ត៌មានអំពីការព្យាបាល

เพิ่มเพื่อน

แชร์บทความ

At vero eos et accusamus et iusto odio digni goikussimos ducimus qui to bonfo blanditiis praese. Ntium voluum deleniti atque.

Melbourne, Australia
(Sat - Thursday)
(10am - 05 pm)
kmKM