Chiwarak စင်တာ

ภาพประกอบของขั้นตอน Transarterial Chemoembolization (TACE) สำหรับการรักษามะเร็งตับ แสดงให้เห็นการส่งเคมีบำบัดโดยตรงไปยังเนื้องอกในตับ และหลอดเลือดถูกปิดกั้นเพื่อตัดปริมาณเลือดของเนื้องอก

ทำไมการทำ TACE รักษามะเร็งตับถึงไม่ได้ผล?

Transarterial Chemoembolization (TACE) เป็นวิธีการรักษามะเร็งตับ (Hepatocellular Carcinoma – HCC) โดยการฉีดยาเคมีบำบัดเข้าไปในหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงก้อนมะเร็ง และอุดหลอดเลือดเพื่อปิดกั้นการไหลเวียนของเลือดไปยังก้อนมะเร็ง ซึ่งช่วยจำกัดการเติบโตของเซลล์มะเร็งและทำลายเซลล์มะเร็งได้

อย่างไรก็ตาม การทำ TACE อาจ ไม่ได้ผล ในผู้ป่วยบางรายเนื่องจากหลายปัจจัย ดังนี้

1. ลักษณะของก้อนมะเร็ง

  • ก้อนมะเร็งมีขนาดใหญ่หรือหลายก้อน
    หากก้อนมะเร็งมีขนาดใหญ่หรือกระจายหลายก้อนในตับ การทำ TACE อาจไม่สามารถทำลายก้อนมะเร็งทั้งหมดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • มะเร็งลุกลามเข้าสู่หลอดเลือดหลัก (Portal Vein Invasion)
    หากมะเร็งลุกลามเข้าสู่หลอดเลือดดำพอร์ทัล (Portal Vein) การอุดหลอดเลือดอาจทำให้เกิดภาวะตับวาย เนื่องจากการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงตับถูกขัดขวาง

2. การไหลเวียนเลือดในตับผิดปกติ

  • มีการสร้างหลอดเลือดใหม่ (Neoangiogenesis)
    ก้อนมะเร็งอาจสร้างหลอดเลือดใหม่เพื่อเลี้ยงตัวเอง แม้จะทำ TACE แล้วก็ตาม ทำให้ก้อนมะเร็งยังได้รับสารอาหารและออกซิเจนเพียงพอ
  • หลอดเลือดผิดปกติหรือมีการเชื่อมต่อกับหลอดเลือดดำ
    ถ้าหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงก้อนมะเร็งมีการเชื่อมต่อกับหลอดเลือดดำหรือมีโครงสร้างผิดปกติ อาจทำให้ยาเคมีบำบัดไม่สามารถไปถึงก้อนมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. สภาพการทำงานของตับ (Liver Function)

  • ผู้ป่วยที่มีตับแข็งระยะรุนแรง (Child-Pugh C)
    ผู้ป่วยที่มีภาวะตับแข็งหรือการทำงานของตับเสื่อมถอยอย่างรุนแรง อาจไม่สามารถทนต่อผลข้างเคียงของ TACE ได้ และเพิ่มความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะตับวาย
  • ตับทำงานไม่สมบูรณ์
    หากตับไม่สามารถฟื้นตัวหลังทำ TACE ได้ อาจทำให้ผลการรักษาไม่ดี และมีภาวะแทรกซ้อนตามมา

4. ความดื้อของเซลล์มะเร็งต่อยาเคมีบำบัด

  • เซลล์มะเร็งดื้อต่อยาเคมีบำบัด
    หากเซลล์มะเร็งดื้อต่อยาเคมีบำบัดที่ใช้ในการทำ TACE จะทำให้การรักษาไม่ได้ผล
  • เลือกใช้ยาไม่เหมาะสม
    การเลือกชนิดของยาเคมีบำบัดหรือปริมาณยาอาจไม่เหมาะสมกับชนิดของมะเร็ง ทำให้การรักษาไม่มีประสิทธิภาพ

5. การทำ TACE ซ้ำบ่อยเกินไป

  • การทำ TACE หลายครั้งติดต่อกัน
    อาจทำให้เนื้อตับส่วนดีเสียหาย ส่งผลให้ตับทำงานลดลงและทำให้ไม่สามารถทำการรักษาต่อไปได้

6. การเลือกผู้ป่วยไม่เหมาะสม (Patient Selection)

  • ระยะของมะเร็งไม่เหมาะสมกับการทำ TACE
    ผู้ป่วยที่มะเร็งอยู่ในระยะลุกลามหรือกระจายไปยังอวัยวะอื่น อาจไม่ได้ประโยชน์จากการทำ TACE
  • สุขภาพร่างกายโดยรวมไม่ดี
    ผู้ป่วยที่มีสุขภาพร่างกายอ่อนแอหรือมีโรคประจำตัวหลายอย่าง อาจทนต่อการทำ TACE ไม่ได้

แนวทางการจัดการเมื่อ TACE ไม่ได้ผล

1. เปลี่ยนแนวทางการรักษา

2. ประเมินและติดตามอาการอย่างใกล้ชิด

  • ตรวจวัดค่าการทำงานของตับ (Liver Function Test) และตรวจประเมินขนาดก้อนมะเร็งเป็นระยะ

3. รักษาแบบประคับประคอง (Palliative Care)

  • เพื่อบรรเทาอาการและรักษาคุณภาพชีวิตในกรณีที่ไม่สามารถทำการรักษาเชิงรุกได้

การทำ TACE เป็นวิธีการรักษาที่ได้ผลดีในผู้ป่วยมะเร็งตับระยะกลาง แต่ไม่เหมาะกับผู้ป่วยทุกคน ความสำเร็จของการรักษาขึ้นอยู่กับขนาดและตำแหน่งของก้อนมะเร็ง การทำงานของตับ และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย หาก TACE ไม่ได้ผล แพทย์จะพิจารณาวิธีการรักษาอื่นที่เหมาะสมต่อไป

ဆေးပညာရှင်နှင့် တိုင်ပင်၍ ဖုန်းနံပါတ် 0638166058 သို့ ဆက်သွယ်မေးမြန်းနိုင်ပါသည်။

ကျွန်ုပ်တို့နှင့် ဆွေးနွေးရန်

เพิ่มเพื่อน

แชร์บทความ

Categories

At vero eos et accusamus et iusto odio digni goikussimos ducimus qui to bonfo blanditiis praese. Ntium voluum deleniti atque.

Melbourne, Australia
(Sat - Thursday)
(10am - 05 pm)
my_MMMY