วิตามิน D3 เสริมภูมิ ลดเสี่ยงมะเร็ง
วิตามินดี ไม่ได้มีดีแค่ช่วยให้กระดูกแข็งแรง แต่ยังมีบทบาทสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งได้อย่างมีงานวิจัยสนับสนุน โดยเฉพาะวิตามิน D3 (Cholecalciferol) ซึ่งเป็นรูปแบบที่ร่างกายดูดซึมและใช้ประโยชน์ได้ดีที่สุด
ปัญหา คือ คนไทยส่วนใหญ่ยังขาดวิตามินดี โดยเฉพาะในคนที่ไม่ค่อยโดนแดดหรือมีพฤติกรรมอยู่ในร่ม ทำให้พลาดโอกาสได้รับคุณประโยชน์ด้านภูมิคุ้มกันและการป้องกันโรคเรื้อรัง
วิตามินดีมีกี่ชนิด D2 vs D3 แบบไหนดีกว่ากัน
วิตามินดีแบ่งออกเป็น 2 ชนิดหลัก ได้แก่
- วิตามิน D2 (Ergocalciferol) : พบในพืช เห็ด และอาหารเสริมบางชนิด
- วิตามิน D3 (Cholecalciferol) : พบในแสงแดด อาหารจำพวกปลาไขมันสูง ไข่แดง และตับ
D3 ดูดซึมได้ดีกว่า และอยู่ในร่างกายได้นานกว่า D2 ทำให้เพิ่มระดับวิตามินดีในเลือดได้มีประสิทธิภาพมากกว่า
บทบาทของวิตามิน D3 ต่อภูมิคุ้มกันและการลดความเสี่ยงมะเร็ง
1. ควบคุมการอักเสบ ลดไซโตไคน์เกินจำเป็น
วิตามินดีช่วยปรับสมดุลการหลั่ง Cytokines โดยลดสารกระตุ้นการอักเสบ (TNF-α, IL-6, IFN-γ, IL-1β) และเพิ่ม IL-10 ที่ช่วยลดการอักเสบ ทำให้ลดโอกาสเกิดการอักเสบเรื้อรังซึ่งเกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็ง
2. ยับยั้งสัญญาณกระตุ้นการอักเสบในร่างกาย
วิตามินดีช่วยลดการทำงานของ NF-κB และ MAPK ซึ่งเป็นเส้นทางกระตุ้นการอักเสบ หากทำงานมากเกินไปจะเพิ่มความเสี่ยงโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง เช่น SLE และรูมาตอยด์
3. กระตุ้น NK Cells ให้ทำงานเต็มประสิทธิภาพ
NK Cells (Natural Killer Cells) เป็นด่านป้องกันด่านแรกที่ช่วยกำจัดเซลล์ติดเชื้อและเซลล์มะเร็ง วิตามิน D3 ช่วยกระตุ้นตัวรับ VDR (Vitamin D Receptor) บน NK Cells ทำให้ทำงานได้ดีขึ้น และยังปรับสมดุลด้วย Tregs (Regulatory T Cells) เพื่อป้องกันภูมิคุ้มกันทำงานเกินจำเป็น
4. ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรังจากการอักเสบ
- โรคหัวใจและหลอดเลือด : ลดการอักเสบของผนังหลอดเลือด
- โรคเบาหวาน : เพิ่มความไวต่ออินซูลิน
- มะเร็ง : ส่งเสริมการทำงานของ NK Cells ในการกำจัดเซลล์มะเร็ง
- โรคทางเดินหายใจ : ลดการอักเสบในปอด ป้องกัน COPD และหอบหืด
5. ลดความเครียดออกซิเดชัน ป้องกันการเสื่อมของเซลล์
วิตามินดีช่วยเพิ่มการสร้างกลูตาไธโอน และเอนไซม์ SOD (Superoxide Dismutase) เพื่อลดอนุมูลอิสระ ปกป้องเซลล์ให้แข็งแรง และช่วยให้ NK Cells ทำงานได้ต่อเนื่อง
แหล่งวิตามิน D3 ที่ควรรับประทาน
- แสงแดด : รับแดดอ่อน ๆ วันละ 10–20 นาที
- อาหาร : ปลาแซลมอน ปลาทู ไข่แดง ตับ
- อาหารเสริม : หากได้รับจากอาหารและแสงแดดไม่พอ ควรเลือกเสริมวิตามินดีในรูปแบบ D3
คำแนะนำ
การรักษาระดับวิตามินดีให้เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญต่อการป้องกันโรคเรื้อรังและเสริมภูมิคุ้มกัน ไม่ว่าจะด้วยการรับแดด กินอาหาร หรือเสริมในรูปแบบ D3 การดูแลอย่างต่อเนื่องจะช่วยลดความเสี่ยงต่อมะเร็งและปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ได้
