ศูนย์ชีวารักษ์

ยาภูมิคุ้มกันบำบัด, ยาภูมิคุ้มกัน, บำบัด, เคมีบำบัด, รักษาโรคมะเร็ง, มะเร็ง, โรคมะเร็ง, รักษา, มะเร็งรู้เร็วรักษาได้, มะเร็งเจอเร็วรักษาหายขาดได้, รู้เร็วตรงจุดรักษาได้ทันที, รู้เร็วรักษาได้, ศูนย์มะเร็งชีวารักษ์ CHG Cancer Center, CHG Cancer Center, ศูนย์มะเร็งชีวารักษ์, ชีวารักษ์, ศูนย์ชีวารักษ์, ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์, จุฬารัตน์ 3, จุฬารัตน์, โรงพยาบาล จุฬารัตน์3, รพ, โรงพยาบาล, การแพทย์, ศูนย์ความเป็นเลิศ, ความเป็นเลิศ

การรักษามะเร็งด้วย ยาภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy)

การรักษามะเร็งด้วย ยาภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy)  เป็นวิธีการรักษามะเร็งประเภทหนึ่ง ตัวยาจะกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง

เซลล์มะเร็งจะแตกต่างจากเซลล์ปกติตรงที่เซลล์ไม่ตายตามปกติ แต่เป็นเซลล์ที่แบ่งตัวอย่างรวดเร็ว  โดยเซลล์ที่ผิดปกติเหล่านี้มักเปลี่ยนแปลงหรือกลายพันธุ์ และหลบเลี่ยงระบบภูมิคุ้มกันที่ช่วยปกป้องร่างกายจากโรคและการติดเชื้อ ยาภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) ออกฤทธิ์โดยการแจ้งเตือนระบบภูมิคุ้มกันเกี่ยวกับเซลล์ที่กลายพันธุ์เหล่านี้ เพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันของตัวเราสามารถระบุตำแหน่งและทำลายเซลล์มะเร็งเหล่านั้นได้

ระบบภูมิคุ้มกันทำงานอย่างไร?

หน้าที่สำคัญของระบบภูมิคุ้มกันคือ การแยกแยะเซลล์ปกติในร่างกายออกจากเซลล์แปลกปลอม

ระบบภูมิคุ้มกันมีหน้าที่ปกป้องร่างกายของสิ่งแปลกปลอมภายนอกเช่น ไวรัส แบคทีเรีย หรือเชื้อรา มีต่อมน้ำเหลืองเป็นระบบภูมิคุ้มกันหลัก ที่กระจายอยู่ทั่วร่างกายของเรา มีเซลล์เม็ดเลือดขาว เช่น “ T cell” ทำหน้าที่ต่อสู้กับการติดเชื้อและเซลล์มะเร็ง โดยระบบภูมิคุ้มกันสามารถแยกแยะระหว่างเซลล์ปกติของตัวเรากับสิ่งแปลกปลอมภายนอกได้

แต่ในทางตรงกันข้าม เมื่อเซลล์ปกติของเรากลายพันธุ์เป็นเซลล์มะเร็ง ระบบภูมิคุ้มกันปกติจะไม่สมารถแยกแยะระหว่างเซลล์ปกติและเซลล์ของเราที่กลายพันธุ์ได้ เป็นเหตุให้เซลล์มะเร็งไม่ถูกระบบภูมิคุ้มกันปกติเข้าทำลายเหมือนกับสิ่งแปลกปลอมจากภายนอก ทำให้เซลล์มะเร็งเติบโต เพิ่มจำนวนและกระจายในร่างกายของเราได้อย่างอิสระ

ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) ทำงานอย่างไรเพื่อต่อสู้กับโรคมะเร็ง?

การบำบัดด้วยภูมิคุ้มกัน (Immunotherapy) จะใช้วิธีในการทำลายเซลล์มะเร็ง 3 แนวทาง คือ

  1. Checkpoint inhibitor รบกวนสัญญาณของเซลล์มะเร็งที่หลอกระบบภูมิคุ้มกันให้คิดว่าเซลล์ที่แข็งแรง ส่งผลให้เซลล์มะเร็งถูกโจมตีโดยระบบภูมิคุ้มกัน (the immune system)
  2. Cytokines คือโมเลกุลโปรตีนสังเคราะห์ ที่ช่วยควบคุมระบบภูมิคุ้มกัน ฉีดเข้าสู่ร่างกายในปริมาณที่มากกว่าที่ร่างกายสร้างได้เองตามธรรมชาติ
  3. วัคซีนป้องกันมะเร็ง (Cancer Vaccines) ซึ่งอาจลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งด้วยการทำลายไวรัสที่ก่อให้เกิดมะเร็ง หรืออาจรักษามะเร็งโดยการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้โจมตีเซลล์มะเร็งเฉพาะส่วนของร่างกาย เช่น วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก

การรักษาด้วยยาภูมิคุ้มกันบำบัด อาจใช้เพียงอย่างเดียวหรือใช้ร่วมกับการรักษามะเร็งอื่นๆ เช่น การผ่าตัด เคมีบำบัด การฉายรังสี และการรักษาด้วยยาแบบมุ่งเป้า (targeted therapy)

ยาภูมิคุ้มกันบำบัด, ยาภูมิคุ้มกัน, บำบัด, เคมีบำบัด, รักษาโรคมะเร็ง, มะเร็ง, โรคมะเร็ง, รักษา, มะเร็งรู้เร็วรักษาได้, มะเร็งเจอเร็วรักษาหายขาดได้, รู้เร็วตรงจุดรักษาได้ทันที, รู้เร็วรักษาได้, ศูนย์มะเร็งชีวารักษ์ CHG Cancer Center, CHG Cancer Center, ศูนย์มะเร็งชีวารักษ์, ชีวารักษ์, ศูนย์ชีวารักษ์, ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์, จุฬารัตน์ 3, จุฬารัตน์, โรงพยาบาล จุฬารัตน์3, รพ, โรงพยาบาล, การแพทย์, ศูนย์ความเป็นเลิศ, ความเป็นเลิศ

มะเร็งอะไรบ้างที่เหมาะเป็นการรรับการรักษาด้วยยาภูมิคุ้มกันบำบัด 

  • มะเร็งผิวหนัง ชนิดเมลาโนมาระยะลุกลาม
  • มะเร็งต่อมลูกหมาก
  • มะเร็งไต
  • มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
  • มะเร็งรังไข่
  • มะเร็งลำไส้
  • มะเร็งทวารหนัก
  • มะเร็งเต้านม
  • มะเร็งปากมดลูก
  • มะเร็งปอด
  • มะเร็งกล่องเสียง
  • มะเร็งโพรงจมูก
  • มะเร็งตับอ่อน
  • มะเร็งตับ
  • มะเร็งกระเพาะอาหาร
  • และเนื้องอกชนิดแข็งอื่น ๆ

ยาภูมิคุ้มกันบำบัดมีอะไรบ้าง?

กลุ่มที่ 1 ยากลุ่ม Checkpoint inhibitorที่มุ่งเป้าไปที่ตัวรับ PD-1 และ CTLA-4  ได้แก่ :

  • Ipilimumab (Yervoy®)
  • Pembrolizumab (Keytruda®)
  • Nivolumab (Opdivo®)
  • Atezolizumab (Tecentriq®)

กลุ่มที่ 2 ยากลุ่มไซโตไคน์ (cytokines )  ได้แก่ :

  • Interleukin-2 (IL-2)
  • Interferons-alpha (IFN-alpha)

ผลข้างเคียงของการบำบัดด้วยภูมิคุ้มกันคืออะไร?

ผลข้างเคียงส่วนใหญ่เป็นอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ รวมถึง:

  • ความเหนื่อยล้า
  • คลื่นไส้หรืออาเจียน
  • แผลในปาก
  • ท้องเสีย
  • ความดันโลหิตสูง
  • การสะสมของของเหลว มักเป็นที่ขา
  • มีไข้หรือหนาวสั่น
  • ความเจ็บปวดหรือความอ่อนแอ
  • ปวดหัว
  • ผื่นหรือมีอาการคัน

ผลข้างเคียงของการบำบัดด้วยภูมิคุ้มกัน โดยทั่วไปจะรุนแรงน้อยลงหลังการรักษาครั้งแรก

ยาภูมิคุ้มกันบำบัด กับ ยาเคมีบำบัด ต่างกันอย่างไร

ความแตกต่างคือยาเคมีบำบัดจะทำลายเซลล์ที่ผิดปกติและปกติทั่วร่างกาย แต่รักษาด้วยยาภูมิคุ้มกันจะกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในการระบุและโจมตีเซลล์มะเร็งให้ดียิ่งขึ้น

รวมทั้งผลข้างเคียงระหว่างยาเคมีบำบัดและภูมิคุ้มกันบำบัดอาจแตกต่างกันมากเช่นกัน เนื่องจากเคมีบำบัดไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างเซลล์ที่เป็นเป้าหมายได้และเซลล์ปกติได้ จึงอาจเกิดผลข้างเคียงที่เห็นกันบ่อยๆ เช่น ผมร่วง คลื่นไส้อาเจียน และการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังและเล็บ ซึ่งพบน้อยหรือไม่มีเลยในการรักษาด้วยยาภูมิคุ้มกันบำบัด

ประโยชน์ของการบำบัดด้วยภูมิคุ้มกัน

โดยรวมแล้วการใช้ยาภูมิคุ้มกันบำบัดยังพบได้น้อยกว่าการผ่าตัดหรือเคมีบำบัดเพื่อรักษามะเร็ง แต่สำหรับมะเร็งบางประเภท การรักษานี้เป็นทางเลือกในการรักษาที่สำคัญในปัจจุบัน การบำบัดด้วยภูมิคุ้มกันอื่นๆ อีกมากมายยังอยู่ในการทดลองทางคลินิก

การบำบัดด้วยภูมิคุ้มกันมีศักยภาพที่จะครอบคลุมมากกว่าและเป็นพิษน้อยกว่าการรักษามะเร็งประเภทอื่นๆ เนื่องจากเป็นวิธีควบคุมพลังของร่างกายในการโจมตีเนื้องอกแทนที่จะนำสารเคมีเข้าสู่ร่างกาย

ความเสี่ยงของการบำบัดด้วยภูมิคุ้มกัน

ความเสี่ยงแตกต่างกันไปตามประเภทของการบำบัดด้วยภูมิคุ้มกัน ประเภทของมะเร็ง ระยะมะเร็ง รวมถึงสุขภาพโดยทั่วไปของผู้ป่วย และแผนการรักษาในปัจจุบัน การรักษาทุกครั้งมีผลข้างเคียงที่แตกต่างกัน และผู้ป่วยอาจตอบสนองต่อการรักษาที่แตกต่างกันออกไป

อัตราการตอบสนองต่อยาภูมิคุ้มกัน

ประมาณร้อยละ 20 ถึงร้อยละ 40 ของผู้ป่วยที่รับยาภูมิคุ้มกันบำบัด จะตอบสนองต่อยา และอาการของโรคมะเร็งดีขึ้น

สอบถามและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เบอร์ติดต่อ 0638166058

สอบถามข้อมูลการรักษา

เพิ่มเพื่อน

แชร์บทความ

At vero eos et accusamus et iusto odio digni goikussimos ducimus qui to bonfo blanditiis praese. Ntium voluum deleniti atque.

Melbourne, Australia
(Sat - Thursday)
(10am - 05 pm)
thTH