ทำไมผู้ป่วยมะเร็งเต้านมต้องเลาะต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้
การเลาะต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้ (Axillary Lymph Node Dissection หรือ ALND) เป็นหนึ่งในขั้นตอนที่สำคัญในการรักษาผู้ป่วยมะเร็งเต้านม การตัดต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้มีบทบาทสำคัญในการตรวจวินิจฉัยและการรักษา เนื่องจากต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้เป็นจุดที่มะเร็งเต้านมมักจะแพร่กระจายไปก่อน การทำ ALND จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการจัดการและพยากรณ์โรค
การตรวจหาการแพร่กระจายของมะเร็ง
หนึ่งในเหตุผลหลักที่ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมต้องเลาะต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้คือเพื่อตรวจหาการแพร่กระจายของมะเร็ง มะเร็งเต้านมมักจะแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้ก่อนที่จะแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ ของร่างกาย การตรวจพบมะเร็งในต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้จึงช่วยให้แพทย์สามารถประเมินระดับของโรคและกำหนดวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ป่วย
การพยากรณ์โรค
การทราบว่ามะเร็งแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองมากน้อยเพียงใดจะช่วยในการประเมินโอกาสของการกลับเป็นซ้ำของมะเร็ง และช่วยให้แพทย์สามารถพยากรณ์โรคได้อย่างถูกต้องยิ่งขึ้น หากพบว่ามะเร็งได้แพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง แพทย์อาจพิจารณาให้การรักษาเพิ่มเติม เช่น การให้เคมีบำบัดหรือการฉายแสงเพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำของมะเร็ง
ลดความเสี่ยงการแพร่กระจาย
การเลาะต่อมน้ำเหลืองที่มีเซลล์มะเร็งอาจช่วยลดความเสี่ยงที่มะเร็งจะแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นของร่างกาย การนำต่อมน้ำเหลืองที่ติดเชื้อออกช่วยลดภาระของเซลล์มะเร็งและเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาดได้มากขึ้น
วิธีการทางเลือก: Sentinel Lymph Node Biopsy (SLNB)
แม้ว่าการเลาะต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้ทั้งหมดจะเป็นขั้นตอนที่สำคัญในผู้ป่วยบางราย แต่ในปัจจุบันมีทางเลือกอื่นที่เรียกว่า Sentinel Lymph Node Biopsy (SLNB) ซึ่งเป็นการตรวจเฉพาะต่อมน้ำเหลืองที่เป็นด่านแรกก่อน หากพบว่าต่อมน้ำเหลืองด่านแรกไม่มีมะเร็ง การเลาะต่อมน้ำเหลืองทั้งหมดอาจไม่จำเป็น การใช้ SLNB ช่วยลดภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัดและยังคงประสิทธิภาพในการตรวจหาการแพร่กระจายของมะเร็ง
ผลข้างเคียงและการฟื้นฟู
การเลาะต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้สามารถทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ภาวะบวมของแขน (lymphedema) การเคลื่อนไหวที่จำกัด หรือการรู้สึกชาในบริเวณแขน การฟื้นฟูหลังการผ่าตัดอาจใช้เวลานานและต้องได้รับการดูแลจากทีมแพทย์อย่างใกล้ชิด
การเลาะต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยในการตรวจวินิจฉัยและการรักษาผู้ป่วยมะเร็งเต้านม การตัดสินใจว่าจะทำ ALND หรือใช้วิธีการตรวจ SLNB ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์และสภาวะเฉพาะของผู้ป่วย การเข้าใจถึงความสำคัญของขั้นตอนนี้จะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถตัดสินใจในการรักษาได้อย่างมั่นใจมากขึ้น