ไขข้อสงสัย “ตรวจมะเร็งเต้านม” แบบเคลียร์ชัด
การคัดกรองมะเร็งเต้านมเป็นหัวข้อที่สำคัญสำหรับผู้หญิงทุกคน เนื่องจากมะเร็งเต้านมเป็นหนึ่งในโรคที่พบได้บ่อยในผู้หญิงทั่วโลก การตรวจคัดกรองสามารถช่วยตรวจพบโรคในระยะเริ่มต้นที่ยังไม่แสดงอาการ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาและลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านมได้อย่างมีนัยสำคัญ
ทำไมการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมจึงมีความสำคัญ?
การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะสามารถตรวจพบมะเร็งในระยะเริ่มต้น ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ การตรวจคัดกรองยังช่วยลดความเสี่ยงในการทำการรักษาใหญ่ เช่น การผ่าตัดเต้านมหรือการทำเคมีบำบัด ซึ่งสามารถลดผลกระทบและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้
วิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมมีอะไรบ้าง?
มีหลายวิธีที่ใช้ในการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมโดยวิธีหลัก ๆ ได้แก่:
- การตรวจเต้านมด้วยตัวเอง (Breast Self-Exam – BSE): ผู้หญิงสามารถตรวจเต้านมด้วยตนเองที่บ้านทุกเดือน วิธีนี้จะช่วยให้ผู้หญิงรู้จักรูปร่างและลักษณะของเต้านมตนเอง ทำให้สามารถสังเกตความผิดปกติได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
- การตรวจเต้านมโดยแพทย์ (Clinical Breast Exam – CBE): เป็นการตรวจโดยแพทย์หรือพยาบาล ซึ่งจะตรวจดูและคลำเต้านมและต่อมน้ำเหลืองบริเวณรักแร้ เพื่อหาความผิดปกติ
- แมมโมแกรม (Mammogram): การถ่ายภาพรังสีเต้านม ถือเป็นวิธีการตรวจคัดกรองที่สำคัญ โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงอายุ 40 ปีขึ้นไป สามารถตรวจพบก้อนเนื้อหรือแคลเซียมสะสมที่อาจเป็นสัญญาณของมะเร็งได้
- การตรวจด้วยอัลตราซาวด์ (Ultrasound): ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงในการสร้างภาพเต้านม มักใช้เมื่อพบก้อนเนื้อที่ไม่แน่ใจว่าเป็นซีสต์หรือก้อนเนื้อ
- การตรวจด้วย MRI (Magnetic Resonance Imaging): ใช้ในกรณีที่ผู้หญิงมีความเสี่ยงสูงต่อมะเร็งเต้านม เช่น ผู้ที่มีประวัติครอบครัวหรือผู้ที่มีการกลายพันธุ์ของยีน BRCA1 หรือ BRCA2
ควรเริ่มตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมเมื่อใด?
ผู้หญิงควรเริ่มตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมตั้งแต่อายุ 40 ปีขึ้นไป หรือตามคำแนะนำของแพทย์ ในกรณีที่มีปัจจัยเสี่ยงเช่น ประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม การมีประจำเดือนมาตั้งแต่อายุน้อย หรือการใช้ฮอร์โมนเสริม ควรเริ่มการตรวจคัดกรองก่อนอายุ 40 ปี หากมีอาการผิดปกติเช่น ก้อนที่เต้านม ควรพบแพทย์ทันที
การทำความเข้าใจผลการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม
ผลการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมสามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก คือ ผลตรวจเป็นลบ (Negative) และผลตรวจเป็นบวก (Positive) หากผลตรวจเป็นลบ หมายถึงไม่พบความผิดปกติใด ๆ แต่หากผลตรวจเป็นบวก หมายถึงพบความผิดปกติที่ต้องการการตรวจเพิ่มเติม เช่น การทำอัลตราซาวด์หรือการตัดชิ้นเนื้อตรวจ
เมื่อคลำเจอก้อน จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นซีสต์หรือก้อนมะเร็ง?
การคลำพบก้อนที่เต้านมไม่ว่าจะเป็นซีสต์หรือก้อนเนื้อ ควรได้รับการประเมินโดยแพทย์ ซีสต์มักมีลักษณะนุ่มและเคลื่อนที่ได้เมื่อคลำ แต่ก้อนเนื้อที่อาจเป็นมะเร็งมักจะแข็งและมีรูปร่างไม่สม่ำเสมอ การตรวจด้วยอัลตราซาวด์ แมมโมแกรม และการตัดชิ้นเนื้อตรวจจะช่วยให้สามารถวินิจฉัยได้อย่างถูกต้อง
การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้หญิงทุกคนควรทำเพื่อสุขภาพที่ดี การทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการตรวจและการแปลผลจะช่วยให้คุณสามารถดูแลสุขภาพตนเองได้อย่างมั่นใจ
การพูดคุยกับแพทย์และรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณตัดสินใจเกี่ยวกับการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับตัวคุณเอง
สอบถามและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เบอร์ติดต่อ 0638166058