ศูนย์ชีวารักษ์

แนวทางการรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ รวมถึงผ่าตัด เคมีบำบัด ฉายรังสี และภูมิคุ้มกันบำบัด พร้อมคำแนะนำในการเลือกวิธีที่เหมาะสม

เลือกวิธีรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ให้เหมาะกับคุณ

มะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นหนึ่งในมะเร็งที่พบมากที่สุด และสามารถรักษาได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับระยะของโรค สภาพร่างกายของผู้ป่วย และการวินิจฉัยของแพทย์ การเลือกแนวทางการรักษาที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

1. วิธีรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่มีอะไรบ้าง?

1.1 การผ่าตัด (Surgery)

เหมาะกับ: มะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะเริ่มต้น (ระยะที่ 1-3)
รูปแบบการผ่าตัด:

  • การผ่าตัดเปิดหน้าท้อง (Open Surgery): ใช้สำหรับกรณีที่มะเร็งแพร่กระจายมาก
  • การผ่าตัดส่องกล้อง (Laparoscopic Surgery): แผลเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว
  • การผ่าตัดโดยหุ่นยนต์ (Robotic Surgery): แม่นยำ ลดผลข้างเคียง

ข้อดี: สามารถกำจัดเซลล์มะเร็งที่เป็นต้นเหตุของโรคได้
ข้อเสีย: อาจมีภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อ หรือปัญหาการขับถ่ายหลังผ่าตัด

1.2 การทำเคมีบำบัด (Chemotherapy)

เหมาะกับ: มะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะที่ 3-4 หรือกรณีที่มะเร็งลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลือง
รูปแบบ:

  • เคมีบำบัดก่อนการผ่าตัด (Neoadjuvant) เพื่อทำให้ก้อนมะเร็งเล็กลง
  • เคมีบำบัดหลังการผ่าตัด (Adjuvant) เพื่อลดโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ

ข้อดี: สามารถกำจัดเซลล์มะเร็งที่แพร่กระจายไปแล้ว
ข้อเสีย: อาจมีผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ ผมร่วง อ่อนเพลีย

1.3 การฉายรังสี (Radiotherapy)

เหมาะกับ: มะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะที่ 3-4 โดยเฉพาะกรณีที่ไม่สามารถผ่าตัดได้
รูปแบบ:

  • ฉายรังสีก่อนผ่าตัด (Neoadjuvant) เพื่อลดขนาดก้อนมะเร็ง
  • ฉายรังสีหลังผ่าตัด (Adjuvant) เพื่อทำลายเซลล์มะเร็งที่เหลือ

ข้อดี: ช่วยลดความเสี่ยงของการกลับมาเป็นซ้ำ

ข้อเสีย: อาจมีผลข้างเคียง เช่น อาการลำไส้แปรปรวน หรืออ่อนเพลีย

1.4 การรักษาแบบมุ่งเป้า (Targeted Therapy)

เหมาะกับ: มะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะที่ 4 หรือผู้ป่วยที่มีการกลายพันธุ์ของยีนเฉพาะ
รูปแบบยา:

  • ยาที่ช่วยตัดเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงเซลล์มะเร็ง เช่น Bevacizumab
  • ยาที่เจาะจงเซลล์มะเร็งที่มีการกลายพันธุ์ของโปรตีน เช่น Cetuximab

ข้อดี: ทำลายเซลล์มะเร็งโดยตรง ไม่กระทบเซลล์ปกติมากนัก

ข้อเสีย: ค่าใช้จ่ายสูง และใช้ได้เฉพาะกับผู้ป่วยที่มีลักษณะทางพันธุกรรมเฉพาะ

1.5 ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy)

🔹 เหมาะกับ: ผู้ป่วยที่มะเร็งลำไส้ใหญ่มีการกลายพันธุ์ของยีน MSI-H หรือ dMMR
🔹 รูปแบบยา:

  • PD-1 Inhibitors เช่น Pembrolizumab (Keytruda) และ Nivolumab (Opdivo)

ข้อดี: เพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกายสามารถกำจัดเซลล์มะเร็งเอง

ข้อเสีย: ยังไม่สามารถใช้ได้กับผู้ป่วยทุกคน และค่าใช้จ่ายสูง

2. เลือกวิธีรักษาอย่างไรให้เหมาะกับตัวเอง?

1. พิจารณาตามระยะของมะเร็ง

2. ดูความพร้อมของร่างกาย

  • หากสุขภาพแข็งแรงพอ อาจสามารถเข้ารับการผ่าตัดได้
  • หากมีโรคประจำตัว อาจต้องเลือกวิธีที่มีผลข้างเคียงน้อย

3. วิเคราะห์พันธุกรรมของมะเร็ง

  • หากมี MSI-H หรือ dMMR อาจสามารถใช้ ภูมิคุ้มกันบำบัด ได้
  • หากมี EGFR หรือ VEGF Mutation อาจเหมาะกับ Targeted Therapy

4. ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

  • แต่ละวิธีมีข้อดีและข้อเสียต่างกัน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกแนวทางที่เหมาะสม

การรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่มีหลายวิธี ตั้งแต่การ ผ่าตัด เคมีบำบัด ฉายรังสี การรักษาแบบมุ่งเป้า และภูมิคุ้มกันบำบัด วิธีที่ดีที่สุดขึ้นอยู่กับระยะของมะเร็ง และลักษณะของเซลล์มะเร็ง การตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ

หากสงสัยว่าตนเองมีความเสี่ยง ควรเข้ารับการตรวจคัดกรองตั้งแต่วันนี้ เพื่อป้องกันก่อนสายเกินไป

แนวทางการรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ รวมถึงผ่าตัด เคมีบำบัด ฉายรังสี และภูมิคุ้มกันบำบัด พร้อมคำแนะนำในการเลือกวิธีที่เหมาะสม

สอบถามและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เบอร์ติดต่อ 0638166058

สอบถามข้อมูลการรักษา

เพิ่มเพื่อน

แชร์บทความ
thTH
X