ศูนย์ชีวารักษ์

ภาพประกอบทางการแพทย์แสดงการบำบัดแบบนีโอแอดจูแวนท์สำหรับมะเร็งลำไส้ใหญ่ ภาพเน้นกระบวนการหดตัวของเนื้องอกโดยใช้เคมีบำบัด รังสีบำบัด การบำบัดแบบกำหนดเป้าหมาย และภูมิคุ้มกันบำบัดก่อนการผ่าตัด

Neoadjuvant Therapy ลดขนาดมะเร็งก่อนผ่าตัด

Neoadjuvant Therapy คือ การรักษาก่อนการผ่าตัด (Preoperative Treatment) เพื่อช่วยลดขนาดก้อนมะเร็งและเพิ่มโอกาสในการผ่าตัดสำเร็จ โดยเฉพาะในมะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรงระยะลุกลาม (Locally Advanced Colorectal Cancer) การรักษานี้ช่วยลดความเสี่ยงของการกลับมาเป็นซ้ำของโรคและช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง

วัตถุประสงค์ของ Neoadjuvant Therapy

  1. ลดขนาดก้อนมะเร็ง เพื่อให้ง่ายต่อการผ่าตัดและลดความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงจากการผ่าตัด
  2. ลดความเสี่ยงของการกลับมาเป็นซ้ำ โดยกำจัดเซลล์มะเร็งขนาดเล็กที่อาจมองไม่เห็น
  3. เพิ่มโอกาสในการผ่าตัดรักษา (Curative Surgery) โดยเฉพาะกรณีที่มะเร็งอยู่ในตำแหน่งที่ยากต่อการผ่าตัด
  4. ช่วยให้สามารถรักษาแบบไม่ต้องตัดทวารหนัก (Sphincter Preservation) ในมะเร็งลำไส้ตรงที่อยู่ใกล้ทวารหนัก

วิธีการรักษาแบบ Neoadjuvant Therapy

1. การฉายรังสีร่วมกับเคมีบำบัด (Chemoradiotherapy)

  • เป็นแนวทางหลักสำหรับมะเร็งลำไส้ตรงระยะลุกลาม (Stage II – III)
  • ฉายรังสีร่วมกับยาเคมีบำบัด เช่น 5-Fluorouracil (5-FU) หรือ Capecitabine
  • ช่วยลดขนาดก้อนมะเร็งและลดการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง

2. การให้เคมีบำบัดเพียงอย่างเดียว (Neoadjuvant Chemotherapy)

  • มักใช้ในมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่ยังไม่แพร่กระจาย
  • ตัวอย่างสูตรยา เช่น FOLFOX (5-FU, Leucovorin, Oxaliplatin) หรือ CAPOX (Capecitabine, Oxaliplatin)
  • ช่วยลดขนาดก้อนมะเร็งและกำจัดเซลล์มะเร็งที่อาจแพร่กระจาย

3. การรักษาด้วยยาต้านมะเร็งแบบมุ่งเป้า (Targeted Therapy)

  • ใช้ร่วมกับเคมีบำบัดในกรณีที่มีการกลายพันธุ์ของยีน เช่น RAS หรือ BRAF
  • ตัวอย่างยา เช่น Bevacizumab (Avastin) และ Cetuximab สำหรับมะเร็งชนิด RAS Wild-type

4. การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy)

  • สำหรับมะเร็งลำไส้ที่มีการกลายพันธุ์แบบ MSI-H (Microsatellite Instability-High) หรือ dMMR (Mismatch Repair Deficient)
  • ตัวอย่างยา: Pembrolizumab (Keytruda), Nivolumab (Opdivo)
  • ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ทำลายเซลล์มะเร็ง

แนวทางการรักษา

  1. เริ่มต้นด้วย Neoadjuvant Therapy เพื่อลดขนาดก้อนมะเร็ง
  2. ประเมินผลการรักษาด้วยการทำ MRI หรือ CT Scan
  3. ทำการผ่าตัด (Surgery) เช่น Total Mesorectal Excision (TME) สำหรับมะเร็งลำไส้ตรง
  4. การให้การรักษาต่อเนื่อง (Adjuvant Therapy) หลังผ่าตัด หากยังมีความเสี่ยงของการกลับมาเป็นซ้ำ

ข้อดีของ Neoadjuvant Therapy

  • ลดขนาดก้อนมะเร็ง: ทำให้การผ่าตัดง่ายขึ้นและลดความเสี่ยงของการผ่าตัดไม่สมบูรณ์
  • ลดอัตราการกลับเป็นซ้ำ: โดยเฉพาะในมะเร็งลำไส้ตรง
  • ช่วยให้สามารถรักษาทวารหนักไว้ได้: ลดความจำเป็นในการทำทวารเทียม (Stoma)
  • เพิ่มประสิทธิภาพของการรักษา: โดยลดการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง

ข้อจำกัดของ Neoadjuvant Therapy

  • ผลข้างเคียงจากเคมีบำบัดหรือการฉายรังสี: เช่น อ่อนเพลีย ท้องเสีย แผลในปาก
  • ไม่ตอบสนองต่อการรักษาในบางกรณี: โดยเฉพาะในมะเร็งที่ดื้อต่อยา
  • ต้องใช้ระยะเวลาในการรักษานานขึ้น: ก่อนที่จะสามารถผ่าตัดได้

Neoadjuvant Therapy เป็นแนวทางการรักษาที่มีประสิทธิภาพสำหรับมะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรงระยะลุกลาม ช่วยลดขนาดก้อนมะเร็งและเพิ่มโอกาสในการผ่าตัดสำเร็จ พร้อมทั้งลดความเสี่ยงของการกลับมาเป็นซ้ำของโรค โดยเฉพาะการใช้ Chemoradiotherapy และ Immunotherapy ในกรณีที่เหมาะสม

ภาพประกอบทางการแพทย์แสดงการบำบัดแบบนีโอแอดจูแวนท์สำหรับมะเร็งลำไส้ใหญ่ ภาพเน้นกระบวนการหดตัวของเนื้องอกโดยใช้เคมีบำบัด รังสีบำบัด การบำบัดแบบกำหนดเป้าหมาย และภูมิคุ้มกันบำบัดก่อนการผ่าตัด

สอบถามและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เบอร์ติดต่อ 0638166058

สอบถามข้อมูลการรักษา

เพิ่มเพื่อน

แชร์บทความ
thTH
X