ศูนย์ชีวารักษ์

อินโฟกราฟิกแสดงภาพการรักษามะเร็งปอดอย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบด้วยปอด ภาพยีนกลายพันธุ์ (EGFR/ALK/KRAS) CT Scan แพทย์ และสัญลักษณ์การรักษาแบบตรงเป้าและภูมิคุ้มกัน

รักษามะเร็งปอดอย่างไรให้ได้ผลดีที่สุด

การรักษามะเร็งปอดให้ได้ผลดีที่สุดในปัจจุบัน ไม่ใช่แค่การเลือกใช้ยาเท่านั้น แต่ต้องเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการวินิจฉัยอย่างแม่นยำ การวางแผนรักษาเฉพาะบุคคล และมีทีมแพทย์สหสาขาวิชาชีพร่วมกันดูแลอย่างใกล้ชิด

แนวทางการรักษามะเร็งปอดให้ได้ผลดีที่สุด

1. ตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด (Accurate Diagnosis)

การเริ่มต้นด้วยการวินิจฉัยที่แม่นยำคือหัวใจสำคัญของการรักษาที่มีประสิทธิภาพ โดยแพทย์จะพิจารณาใช้เครื่องมือและการตรวจต่าง ๆ ได้แก่

  • การตรวจคัดกรองด้วย Low-Dose CT (LDCT) เพื่อตรวจหาความผิดปกติในปอดระยะแรก
  • การเจาะชิ้นเนื้อ (Biopsy) เพื่อตรวจสอบชนิดของเซลล์มะเร็ง
  • การตรวจยีนมะเร็ง เช่น EGFR, ALK, KRAS เพื่อหาแนวทางการรักษาที่ตรงเป้า

2. วางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล (Personalized Treatment)

การรักษาในยุคใหม่เน้นความแตกต่างระหว่างผู้ป่วยแต่ละราย โดยแพทย์จะพิจารณาข้อมูลด้านพันธุกรรมของก้อนมะเร็ง ภาวะสุขภาพโดยรวม และความต้องการของผู้ป่วย เพื่อเลือกแนวทางที่เหมาะสมที่สุด เปรียบเสมือน “การตัดชุดเฉพาะคน” แทนการรักษาแบบ “เสื้อโหล”

3. การรักษาหลักตามระยะของโรค

การเลือกวิธีรักษาจะขึ้นอยู่กับระยะของมะเร็ง และชนิดของเซลล์มะเร็ง โดยทั่วไปสามารถแบ่งออกได้ดังนี้

ระยะที่ 1-2 (ระยะเริ่มต้น)

  • แนวทางการรักษา : ผ่าตัดก้อนมะเร็ง ร่วมกับการให้เคมีบำบัดหรือฉายแสงตามดุลยพินิจแพทย์

ระยที่ 3 (ลุกลามเฉพาะที่)

  • แนวทางการรักษา : ผ่าตัดหรือฉายแสงร่วมกับเคมีบำบัด อาจเสริมด้วยยาภูมิคุ้มกัน

ระยะที่ 4 (กระจายแล้ว)

  • แนวทางการรักษา : ใช้ยา Targeted Therapy, Immunotherapy, เคมีบำบัด หรือผสมผสานหลายวิธีร่วมกัน

4. การรักษาแบบตรงเป้า (Targeted Therapy)

Targeted Therapy คือ ยาที่ออกฤทธิ์ตรงกับกลไกของเซลล์มะเร็ง โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่ตรวจพบยีนกลายพันธุ์ เช่น EGFR หรือ ALK

  • ช่วยลดการกระจายของโรค
  • มีผลข้างเคียงน้อยกว่าการให้เคมีบำบัด
  • มักใช้ในมะเร็งปอดชนิด Non-Small Cell Lung Cancer (NSCLC)

5. ยาภูมิคุ้มกัน (Immunotherapy)

Immunotherapy หรือ การกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายให้จัดการกับเซลล์มะเร็ง เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ได้รับความนิยม

  • เหมาะกับผู้ป่วยที่ไม่มียีนกลายพันธุ์แบบเฉพาะ
  • สามารถใช้เดี่ยว หรือร่วมกับเคมีบำบัด
  • เพิ่มโอกาสในการควบคุมโรคในระยะยาว

6. การดูแลแบบประคับประคองและฟื้นฟูสุขภาพ (Supportive Care)

แม้จะอยู่ในระยะลุกลามหรือรักษาเพื่อควบคุมอาการ การดูแลอย่างต่อเนื่องก็ยังสำคัญ เช่น

  • ควบคุมอาการ เช่น ไอ หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก
  • เสริมโภชนาการ ฟื้นฟูร่างกาย และดูแลสุขภาพจิต
  • เพิ่มคุณภาพชีวิตในระหว่างการรักษา

สรุป

การรักษามะเร็งปอดอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องเลือกให้เหมาะกับระยะโรค ชนิดของเซลล์ และปัจจัยเฉพาะตัวของผู้ป่วยแต่ละราย

การมีข้อมูลที่ครบถ้วน การตรวจยีนมะเร็ง และการได้รับการดูแลจากทีมแพทย์เฉพาะทาง จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาให้ได้ผลดีที่สุด

อินโฟกราฟิกแสดงภาพการรักษามะเร็งปอดอย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบด้วยปอด ภาพยีนกลายพันธุ์ (EGFR/ALK/KRAS) CT Scan แพทย์ และสัญลักษณ์การรักษาแบบตรงเป้าและภูมิคุ้มกัน

สอบถามและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เบอร์ติดต่อ 0638166058

สอบถามข้อมูลการรักษา

เพิ่มเพื่อน

แชร์บทความ

At vero eos et accusamus et iusto odio digni goikussimos ducimus qui to bonfo blanditiis praese. Ntium voluum deleniti atque.

Melbourne, Australia
(Sat - Thursday)
(10am - 05 pm)
thTH