ใส่พอร์ตให้เคมีบำบัด ทางรอดคนไข้มะเร็ง
การรักษาโรคมะเร็งมักต้องอาศัยการให้ยาเคมีบำบัดหรือยาเฉพาะทางผ่านทางหลอดเลือดซ้ำ ๆ เป็นระยะเวลานาน การเจาะเส้นเลือดบ่อย ๆ อาจทำให้ผู้ป่วยเจ็บ ปวด หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ ดังนั้น การผ่าตัดใส่ Port (Port-a-Cath) จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดความไม่สบายตัวของผู้ป่วย
ผ่าตัดใส่ Port คืออะไร?
Port หรือ (Port-a-Cath) คือ อุปกรณ์ขนาดเล็กที่ฝังไว้ใต้ผิวหนังบริเวณหน้าอก เชื่อมต่อกับสาย catheter ซึ่งสอดเข้าไปในหลอดเลือดดำใหญ่ เช่น หลอดเลือดดำใต้ไหปลาร้า (Subclavian vein) หรือ หลอดเลือดดำที่คอ (Jugular vein)
อุปกรณ์นี้ช่วยให้แพทย์สามารถเจาะเลือด ให้ยาเคมีบำบัด หรือให้น้ำเกลือผ่านทาง port ได้โดยไม่ต้องเจาะเส้นเลือดทุกครั้ง
เหมาะกับผู้ป่วยกลุ่มไหน?
การใส่ port เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องรักษาอย่างต่อเนื่องผ่านหลอดเลือด เช่น
- ผู้ป่วยมะเร็งที่ต้องให้ยาเคมีบำบัดระยะยาว
- ผู้ที่มีเส้นเลือดฝอยบอบบาง เจาะเลือดยาก
- เด็กหรือผู้สูงอายุที่ต้องให้น้ำเกลือหรือสารอาหารทางหลอดเลือดบ่อย ๆ
- ผู้ป่วยที่มีประวัติเส้นเลือดอักเสบหรือพังจากการรักษา
ประโยชน์ของการใส่ Port สำหรับผู้ป่วยมะเร็ง
- ลดความเจ็บปวดจากการเจาะเส้นเลือดซ้ำ ๆ
- ช่วยถนอมเส้นเลือด โดยเฉพาะในผู้ที่ต้องใช้ยาเคมีบำบัดที่ระคายเคืองหลอดเลือด
- ลดความเสี่ยงการติดเชื้อเมื่อเทียบกับการใช้สายให้น้ำเกลือทั่วไป
- ใช้งานได้ยาวนานตั้งแต่หลายเดือนจนถึงปี ขึ้นอยู่กับแผนการรักษา
- สะดวกในการดูแลรักษา สามารถใช้งานได้ทุกครั้งที่จำเป็นโดยไม่ต้องเจาะซ้ำ
ขั้นตอนการผ่าตัดใส่ Port
การใส่ port เป็นหัตถการที่ทำได้รวดเร็ว และมักใช้ยาชาเฉพาะที่ หรือยาระงับความรู้สึกแบบอ่อน
- ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 30–60 นาที
- แพทย์จะฝังอุปกรณ์ port ไว้ใต้ผิวหนังบริเวณหน้าอก
- ต่อสาย catheter เข้าสู่หลอดเลือดดำใหญ่
- หลังผ่าตัดอาจรู้สึกระบมเล็กน้อย แต่อาการจะดีขึ้นภายในไม่กี่วัน
ข้อควรระวังและการดูแลหลังผ่าตัด
แม้ว่า port จะช่วยให้การรักษาสะดวกขึ้น แต่ก็ยังต้องการการดูแลอย่างถูกต้อง เช่น
- ดูแลความสะอาดทุกครั้งก่อนใช้งาน
- หลีกเลี่ยงการใช้แขนข้างที่ใส่ port ยกของหนัก
- มาตรวจเช็คกับแพทย์เป็นประจำ
- หากมีไข้ หนาวสั่น หรือเจ็บบริเวณ port ควรรีบพบแพทย์ทันที
สรุป การผ่าตัดใส่ Port สำหรับผู้ป่วยมะเร็ง
การใส่ Port เป็นทางเลือกที่ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งที่ต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยช่วยลดความเจ็บปวด ป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการเจาะเส้นเลือดบ่อย ๆ และเพิ่มความปลอดภัยในการให้ยาเคมีบำบัด เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง และควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เฉพาะทาง
