เป็นมะเร็งต้องปรับอาหารอย่างไร?
ผู้ป่วยมะเร็งควรปรับเปลี่ยนอาหารเพื่อช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงานและสารอาหารที่เพียงพอสำหรับการฟื้นฟูและรองรับผลข้างเคียงจากการรักษา โดยคำแนะนำหลักมีดังนี้
1. รับประทานอาหารที่สมดุล
- เลือกอาหารที่หลากหลายและมีคุณค่าทางโภชนาการ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด โปรตีนไร้ไขมัน และไขมันดีจากแหล่งธรรมชาติ
- หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปและไขมันทรานส์
2. โปรตีนเป็นสิ่งสำคัญ
- ผู้ป่วยมะเร็งมักต้องการโปรตีนเพิ่มขึ้นเพื่อช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
- เลือกโปรตีนจากแหล่งคุณภาพ เช่น เนื้อสัตว์ไร้ไขมัน ไข่ ปลา ถั่ว และผลิตภัณฑ์จากนมไขมันต่ำ
3. รักษาความชุ่มชื้นในร่างกาย
- ดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวันเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสีย
4. ปรับอาหารตามผลข้างเคียงของการรักษา
- หากมีอาการเบื่ออาหาร: แบ่งมื้ออาหารเป็นมื้อเล็ก ๆ แต่บ่อยครั้ง และเลือกอาหารที่ให้พลังงานสูง
- หากมีอาการคลื่นไส้: รับประทานอาหารที่ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม ซุปใส และหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด
- หากมีปัญหาท้องผูก: เพิ่มอาหารที่มีกากใย เช่น ผัก ผลไม้ และดื่มน้ำมากขึ้น
5. หลีกเลี่ยงอาหารเสี่ยง
- อาหารดิบ เช่น ซูชิ ไข่ดิบ หรือเนื้อที่ไม่ได้ปรุงสุก เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ควรจำกัดปริมาณ
6. ปรึกษานักโภชนาการ
- ผู้ป่วยแต่ละคนมีความต้องการที่แตกต่างกัน การปรึกษานักโภชนาการที่เชี่ยวชาญด้านมะเร็งช่วยให้ได้คำแนะนำเฉพาะบุคคล
คำแนะนำสำคัญ
อาหารเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลรักษามะเร็ง แต่ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และนักโภชนาการเสมอ เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่เหมาะสมและสนับสนุนการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ