ศูนย์ชีวารักษ์

CHG Cancer Center, การรักษามะเร็ง, การรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง, การแพทย์, ความเป็นเลิศ, คีโม, จุฬารัตน์, จุฬารัตน์ 3, ชีวารักษ์, มะเร็ง, มะเร็งต่อมน้ำเหลือง, มะเร็งรักษาได้, มะเร็งรู้เร็วรักษาได้, มะเร็งเจอเร็วรักษาหายขาด, รพ, รักษา, รักษาโรคมะเร็ง, รู้เร็วตรงจุดรักษาได้ทันที, รู้เร็วรักษาได้, ศูนย์ความเป็นเลิศ, ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์, ศูนย์ชีวารักษ์, ศูนย์มะเร็งชีวารักษ์, ศูนย์มะเร็งชีวารักษ์ CHG Cancer Center, เคมีบำบัด, โรคมะเร็ง, โรงพยาบาล, โรงพยาบาล จุฬารัตน์3

การรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองอย่างไรให้หายขาด

มะเร็งต่อมน้ำเหลืองเป็นมะเร็งที่เกิดขึ้นในระบบน้ำเหลือง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ระบบน้ำเหลืองประกอบด้วยต่อมน้ำเหลือง เส้นน้ำเหลือง และอวัยวะต่างๆ เช่น ม้าม และไขกระดูก มะเร็งต่อมน้ำเหลืองเกิดจากการเจริญเติบโตของเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ผิดปกติในระบบน้ำเหลือง ซึ่งเซลล์เหล่านี้จะเติบโตและแบ่งตัวอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้เกิดก้อนเนื้อหรือมะเร็งขึ้น

มะเร็งต่อมน้ำเหลืองสามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก:

  1. มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กิน (Hodgkin Lymphoma): เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่พบได้น้อยกว่า และมีลักษณะเด่นคือการพบเซลล์มะเร็งชนิด Reed-Sternberg ในต่อมน้ำเหลือง
  2. มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดที่นอนฮอดจ์กิน (Non-Hodgkin Lymphoma): เป็นชนิดที่พบบ่อยกว่า มีหลายชนิดย่อยขึ้นอยู่กับประเภทของเซลล์เม็ดเลือดขาวที่เกิดการกลายพันธุ์

ในประเทศไทย มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดที่นอนฮอดจ์กิน (Non-Hodgkin Lymphoma) เป็นชนิดที่พบได้มากกว่า ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 30 ชนิดย่อย และยังสามารถแบ่งได้เป็นสองกลุ่มหลักตามลักษณะการเจริญเติบโตของมะเร็ง:

  • ชนิดค่อยเป็นค่อยไป (Indolent): มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนี้มีอัตราการแบ่งตัวของมะเร็งค่อนข้างช้า แต่มักจะไม่หายขาดด้วยการรักษาที่มีอยู่ในปัจจุบัน
  • ชนิดรุนแรง (Aggressive): มะเร็งชนิดนี้มีการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งที่รวดเร็ว หากไม่ได้รับการรักษา อาจส่งผลให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ภายใน 6 เดือนถึง 2 ปี แต่มีโอกาสหายขาดจากโรคได้หากได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

ถึงแม้สาเหตุที่แท้จริงของการเกิดมะเร็งต่อมน้ำเหลืองยังไม่ทราบแน่ชัด แต่มีปัจจัยเสี่ยงบางอย่างที่อาจเพิ่มโอกาสในการเกิดโรค ได้แก่:

  • อายุ: มะเร็งต่อมน้ำเหลืองมักพบในผู้สูงอายุ แต่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงวัย
  • ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง: ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ที่ติดเชื้อ HIV หรือผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ มีความเสี่ยงสูงขึ้น
  • การติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียบางชนิด: เช่น การติดเชื้อไวรัส Epstein-Barr (EBV) และ Helicobacter pylori
  • ประวัติครอบครัว: การมีประวัติครอบครัวที่มีผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองอาจเพิ่มความเสี่ยง
  • สารเคมีและรังสี: การสัมผัสสารเคมีที่เป็นอันตรายและรังสีในปริมาณมากอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง

มะเร็งต่อมน้ำเหลืองสามารถรักษาให้หายขาดได้ในหลายกรณี ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ชนิดของมะเร็ง ระยะของโรค สุขภาพทั่วไปของผู้ป่วย และการตอบสนองต่อการรักษา

ปัจจัยที่ส่งผลต่อโอกาสหายขาด:

  1. ชนิดของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง:

    • Hodgkin Lymphoma: มีโอกาสหายขาดสูง โดยเฉพาะหากตรวจพบในระยะแรกและตอบสนองต่อการรักษาได้ดี
    • Non-Hodgkin Lymphoma: โอกาสหายขาดแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับชนิดย่อยของโรคและระยะของการวินิจฉัย
  2. ระยะของโรค:

    • การวินิจฉัยในระยะแรก (Stage I หรือ II) มักมีโอกาสหายขาดสูงกว่าการวินิจฉัยในระยะที่มะเร็งได้แพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ
  3. การตอบสนองต่อการรักษา:

    • ผู้ป่วยที่ตอบสนองต่อการรักษา เช่น เคมีบำบัด รังสีบำบัด หรือการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด มักมีโอกาสหายขาดสูงกว่า
  4. สุขภาพทั่วไปของผู้ป่วย:

    • สุขภาพโดยรวมที่แข็งแรงช่วยให้ผู้ป่วยทนทานต่อการรักษาได้ดีขึ้น และเพิ่มโอกาสในการหายขาด

การรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง มีวิธีการหรือเทคโนโลยีที่ทันสมัยอะไรบ้าง?

นอกจากเคมีบำบัดและรังสีบำบัดที่ยังคงเป็นวิธีการรักษาหลัก ยังมีนำเทคโนโลยีและวิธีการรักษาใหม่ๆ เข้ามาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาและลดผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการรักษาแบบดั้งเดิม เทคโนโลยีเหล่านี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาด แต่ยังช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย อาทิ

  1. การรักษาด้วยยาที่มีความเฉพาะเจาะจง (Targeted Therapy): การรักษาด้วยยาที่ออกฤทธิ์เจาะจงต่อโปรตีนหรือยีนที่ผิดปกติในเซลล์มะเร็งต่อมน้ำเหลืองเป็นวิธีการที่ได้ผลดีในผู้ป่วยที่มีมะเร็งชนิดที่ตอบสนองต่อการรักษานี้ ยาดังกล่าวช่วยลดผลข้างเคียงที่เกิดจากการทำลายเซลล์ปกติในร่างกายและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำลายเซลล์มะเร็ง
  2. การรักษาด้วยภูมิคุ้มกัน (Immunotherapy): การใช้ภูมิคุ้มกันของร่างกายในการต่อสู้กับมะเร็งเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย ยาในกลุ่มนี้จะช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้สามารถจำและทำลายเซลล์มะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  3. การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cell Transplant): เทคโนโลยีการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดยังคงเป็นหนึ่งในแนวทางการรักษาที่สำคัญสำหรับผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในประเทศไทย โดยเฉพาะในกรณีที่มะเร็งกลับมาเป็นซ้ำหลังการรักษาด้วยเคมีบำบัดหรือรังสีบำบัด
  4. การรักษาด้วยยา CAR-T (Chimeric Antigen Receptor T-cell Therapy): CAR-T เป็นวิธีการรักษาใหม่ที่กำลังเริ่มถูกนำมาใช้ในประเทศไทย โดยเป็นการดัดแปลงเซลล์ T ของผู้ป่วยเองให้สามารถระบุและทำลายเซลล์มะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ การรักษานี้เป็นความก้าวหน้าที่สำคัญในการรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่มีความซับซ้อน
  5. การใช้เทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัยที่แม่นยำ (Precision Medicine): เทคโนโลยีการวินิจฉัยที่แม่นยำช่วยให้แพทย์สามารถวิเคราะห์ลักษณะเฉพาะของมะเร็งในผู้ป่วยแต่ละราย และวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งรวมถึงการเลือกใช้ยาที่ตรงกับลักษณะพันธุกรรมของเซลล์มะเร็ง

การปฏิบัติตัวในระหว่างการรักษา

เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพและลดผลข้างเคียง ผู้ป่วยควรปฏิบัติตัวตามข้อแนะนำดังนี้:

  1. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: ควรรับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน เช่น ผลไม้ ผัก โปรตีน และหลีกเลี่ยงอาหารที่อาจทำให้ร่างกายอ่อนแอ
  2. ดื่มน้ำให้เพียงพอ: การดื่มน้ำมากๆ จะช่วยให้ร่างกายสามารถขับสารพิษและยาที่ใช้ในการรักษาออกจากระบบได้ดี
  3. พักผ่อนให้เพียงพอ: การพักผ่อนที่เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวจากการรักษาได้ดี
  4. ติดตามการรักษาและพบแพทย์ตามนัด: ควรไปพบแพทย์และติดตามการรักษาตามนัดเพื่อให้แน่ใจว่าการรักษาเป็นไปตามแผน
  5. หลีกเลี่ยงการติดเชื้อ: ควรหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เพราะระบบภูมิคุ้มกันอาจจะอ่อนแอลงจากการรักษา
  6. รับการสนับสนุนทางจิตใจ: การรักษามะเร็งอาจทำให้รู้สึกเครียด ควรหาแนวทางในการรับการสนับสนุนทางจิตใจ เช่น การเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุน

การรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองมีความก้าวหน้าอย่างมากในปัจจุบัน โดยมีวิธีการและการรักษาที่หลากหลายที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการหายขาดจากโรค การปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสมในระหว่างการรักษาจะช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเพิ่มโอกาสในการฟื้นฟูสุขภาพของผู้ป่วยได้ดีขึ้น

สอบถามและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เบอร์ติดต่อ 0638166058

สอบถามข้อมูลการรักษา

เพิ่มเพื่อน

แชร์บทความ
thTH
X