ทำอย่างไร ให้ห่างไกลจากมะเร็งปอด
การป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปอด
สามารถทำได้โดยการปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้:
- เลิกสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปอด การเลิกสูบบุหรี่จะช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างมาก แม้แต่ผู้ที่สูบมาเป็นเวลานานก็ยังสามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยการเลิกสูบ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสควันบุหรี่มือสอง: แม้จะไม่สูบบุหรี่เอง แต่การสัมผัสกับควันบุหรี่มือสองจากผู้อื่นก็ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งปอดได้ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีการสูบบุหรี่
- ลดการสัมผัสกับสารก่อมะเร็งในที่ทำงาน: หากคุณทำงานในอุตสาหกรรมที่ต้องสัมผัสกับสารเคมีที่เป็นอันตราย เช่น แร่ใยหิน (asbestos) ควรใช้มาตรการป้องกันตามที่กำหนดอย่างเคร่งครัด เช่น สวมหน้ากากอนามัยและใช้เครื่องป้องกันอื่น ๆ
- ทดสอบและลดระดับก๊าซเรดอนในบ้าน: ก๊าซเรดอนเป็นก๊าซธรรมชาติที่สามารถก่อมะเร็งปอดได้ การทดสอบระดับก๊าซเรดอนในบ้านและลดระดับหากพบว่ามีค่าสูงเป็นสิ่งสำคัญ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: การรับประทานผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อมะเร็งปอดได้ ควรรับประทานอาหารที่สมดุลและหลากหลาย รวมถึงหลีกเลี่ยงอาหารที่ผ่านกระบวนการและอาหารที่มีสารกันบูดสูง
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายเป็นประจำช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันและรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงต่อมะเร็งปอดได้
- ระวังการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีอันตราย: หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีที่อาจเป็นอันตราย เช่น สารระเหยที่ใช้ในการทำความสะอาด หรือสีที่มีสารพิษ
- ตรวจสุขภาพเป็นประจำ: การตรวจสุขภาพและรับคำปรึกษาจากแพทย์อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งปอด สามารถช่วยในการตรวจพบโรคได้ในระยะแรกเริ่ม ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การตรวจสุขภาพและการคัดกรองมะเร็งปอด
โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้ที่สูบบุหรี่มาเป็นเวลานาน มีขั้นตอนและวิธีการตรวจที่สำคัญดังนี้:
การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ทรวงอก (Low-dose CT Scan หรือ LDCT):
- วิธีนี้เป็นการตรวจคัดกรองมะเร็งปอดที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในปัจจุบัน โดยใช้รังสีเอกซ์ที่มีปริมาณน้อยในการสร้างภาพสามมิติของปอด วิธีนี้สามารถตรวจพบก้อนเนื้อหรือความผิดปกติในปอดที่ยังมีขนาดเล็ก ซึ่งการตรวจในระยะแรกเริ่มนี้สามารถเพิ่มโอกาสในการรักษาได้
การตรวจสุขภาพทั่วไป:
- รวมถึงการซักประวัติทางการแพทย์ การตรวจร่างกายทั่วไป และการฟังเสียงปอด โดยแพทย์อาจตรวจสอบว่ามีอาการที่อาจเป็นสัญญาณของมะเร็งปอด เช่น ไอเรื้อรัง หายใจมีเสียงหืดหอบ หรือมีอาการเจ็บหน้าอก
การตรวจเสมหะ (Sputum Cytology):
- การตรวจเสมหะเพื่อหาว่ามีเซลล์มะเร็งปะปนอยู่หรือไม่ วิธีนี้มักใช้เมื่อผู้ป่วยมีอาการไอหรือมีเสมหะที่ผิดปกติ
การตรวจเลือด (Blood Tests):
- แม้ว่าการตรวจเลือดจะไม่สามารถยืนยันการเป็นมะเร็งปอดได้ แต่สามารถช่วยในการตรวจสุขภาพทั่วไปและระบุความผิดปกติที่อาจเกี่ยวข้องกับมะเร็งปอด เช่น ระดับแคลเซียมที่สูงผิดปกติ
การตรวจ PET-CT Scan:
- การตรวจ PET-CT Scan เป็นการรวมการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์กับการสแกนโดยใช้สารกัมมันตรังสี ซึ่งช่วยในการระบุขนาด ตำแหน่ง และลักษณะของเนื้องอก และสามารถใช้ในการประเมินการแพร่กระจายของมะเร็งได้
การตรวจคัดกรองมะเร็งปอดโดยใช้ LDCT ควรได้รับการพิจารณาสำหรับผู้ที่มีอายุ 50-80 ปี และมีประวัติการสูบบุหรี่ที่สูง (สูบ 20 ซองต่อปี หรือมากกว่า) หรือเคยสูบบุหรี่มาในอดีตแต่เลิกสูบไปแล้วไม่เกิน 15 ปี
การตรวจคัดกรองและตรวจสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญในการตรวจพบมะเร็งปอดในระยะแรกเริ่ม ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สอบถามและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เบอร์ติดต่อ 0638166058