BRAF Status รู้ผลยีน ก่อนเลือกยารักษามะเร็ง
BRAF Status คือ ผลการตรวจหาการกลายพันธุ์ของยีน BRAF ในเซลล์มะเร็ง ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยกำหนดแนวทางการรักษา โดยเฉพาะในมะเร็งเมลาโนมา (Melanoma) ซึ่งเป็นมะเร็งผิวหนังชนิดรุนแรงที่มีแนวโน้มลุกลามไปยังอวัยวะอื่นได้
ทำไมต้องตรวจ BRAF?
ในผู้ป่วยเมลาโนมาระยะลุกลาม พบว่า ประมาณ 40–60% มีการกลายพันธุ์ของยีน BRAF โดยเฉพาะชนิด V600E ซึ่งทำให้เซลล์มะเร็งแบ่งตัวอย่างรวดเร็วและไม่สามารถควบคุมได้ การตรวจหา BRAF status จึงเป็นกุญแจสำคัญในการวางแผนการรักษาแบบจำเพาะ
ถ้ามี BRAF Mutation รักษาอย่างไร?
หากผลตรวจพบว่า BRAF positive (มีการกลายพันธุ์) แพทย์สามารถเลือกใช้ยามุ่งเป้า (Targeted Therapy) ที่ออกฤทธิ์เฉพาะกับเซลล์มะเร็งที่มียีนผิดปกตินี้ เช่น
- Dabrafenib (BRAF inhibitor)
- Trametinib (MEK inhibitor)
โดยการใช้ร่วมกันจะช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ดีกว่าการใช้เพียงตัวใดตัวหนึ่ง
ถ้าไม่พบการกลายพันธุ์?
ถ้า BRAF status เป็น Negative (ไม่พบการกลายพันธุ์) ผู้ป่วยจะไม่ได้รับประโยชน์จากยากลุ่ม targeted therapy และแพทย์จะพิจารณาใช้ Immunotherapy เช่น Nivolumab หรือ Pembrolizumab ซึ่งช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง
ประโยชน์ของการรู้ BRAF Status
- วางแผนการรักษาได้ตรงจุด
- เพิ่มโอกาสรอดชีวิตและยืดอายุผู้ป่วย
- ลดผลข้างเคียงจากการใช้ยาที่ไม่จำเป็น
- ช่วยคัดเลือกผู้ป่วยที่เหมาะกับยากลุ่ม targeted therapy
การตรวจ BRAF Status เป็นขั้นตอนสำคัญในผู้ป่วยมะเร็งเมลาโนมาแบบลุกลาม เพราะช่วยเปิดทางให้ใช้ยาเฉพาะเจาะจงกับยีนที่ผิดปกติ ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยควบคุมโรคได้ยาวนานขึ้น
หากคุณหรือคนใกล้ตัวได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น Melanoma ควรสอบถามแพทย์เกี่ยวกับการตรวจ BRAF และทางเลือกการรักษาที่เหมาะสม เพื่อให้ได้รับการดูแลอย่างเต็มที่ตั้งแต่ระยะแรกของโรค
