รู้ทันมะเร็งผิวหนัง ก่อนลุกลามรุนแรง
มะเร็งผิวหนัง (Skin Cancer) เป็นหนึ่งในโรคมะเร็งที่พบได้บ่อยที่สุดในประชากรทั่วโลก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีแสงแดดจัด เช่น ประเทศแถบเส้นศูนย์สูตร ซึ่งรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) จากแสงแดดถือเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ การรู้เท่าทันสัญญาณ อาการ และแนวทางการป้องกันสามารถช่วยลดอัตราการเสียชีวิตและภาวะแทรกซ้อนจากโรคได้อย่างมีนัยสำคัญ
ประเภทของมะเร็งผิวหนัง
มะเร็งผิวหนังแบ่งออกเป็นหลายประเภท โดยมี 3 ชนิดหลักที่พบได้บ่อย ได้แก่
1. มะเร็งเซลล์ฐาน (Basal Cell Carcinoma: BCC)
เป็นชนิดที่พบมากที่สุด เติบโตช้า มักไม่แพร่กระจายแต่หากปล่อยไว้อาจลุกลามเข้าสู่เนื้อเยื่อบริเวณใกล้เคียง มักพบเป็นตุ่มใสหรือเนื้อที่มีแผลเรื้อรัง ไม่หายภายใน 2-3 สัปดาห์
2. มะเร็งเซลล์สความัส (Squamous Cell Carcinoma: SCC)
พบรองลงมา มักเกิดจากการได้รับรังสี UV สะสม มักพบบริเวณที่สัมผัสแสงแดด เช่น ใบหน้า มือ หรือหู ลักษณะอาจเป็นแผลที่ตกสะเก็ด เลือดออก หรือไม่ยอมหาย
3. เมลาโนมา (Melanoma)
เป็นชนิดที่ร้ายแรงที่สุด แม้จะพบน้อยแต่สามารถแพร่กระจายอย่างรวดเร็วไปยังอวัยวะอื่น ๆ เมลาโนมามักเริ่มจากไฝหรือจุดสีดำที่เปลี่ยนแปลงรูปร่าง ขนาด หรือสี
ปัจจัยเสี่ยง
- การสัมผัสรังสี UV จากแสงแดดหรือเครื่องอบผิว
- ประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งผิวหนัง
- ผิวขาว ดวงตาสีฟ้าหรือเขียว ผมสีทองหรือแดง
- ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
- การได้รับสารเคมี เช่น สารหนู หรือยาบางชนิด
อาการและการสังเกต
- แผลที่ไม่หายภายใน 2-3 สัปดาห์
- ไฝที่เปลี่ยนรูปร่าง สี ขนาด หรือมีขอบไม่เรียบ
- ตุ่มหรือแผลที่มีเลือดออก คัน หรือเจ็บ
- จุดสีดำที่ไม่เหมือนไฝทั่วไป (มีลักษณะ ABCDE)
แนวทางการวินิจฉัย
- การตรวจร่างกายโดยแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง
- การใช้เครื่องตรวจผิวหนัง (Dermatoscope)
- การตัดชิ้นเนื้อ (Biopsy) เพื่อตรวจดูเซลล์ใต้กล้องจุลทรรศน์
วิธีการรักษา
การรักษาขึ้นอยู่กับชนิด ขนาด ตำแหน่ง และระยะของโรค ได้แก่
1. การผ่าตัด
- Excisional Surgery: ตัดชิ้นเนื้อออกพร้อมขอบเขตที่ปลอดภัย
- Mohs Surgery: ตัดและตรวจชั้นผิวหนังทีละชั้น เหมาะกับบริเวณใบหน้าเพื่อรักษาความสวยงาม
2. การรักษาด้วยความเย็น (Cryotherapy)
ใช้ไนโตรเจนเหลวทำลายเซลล์มะเร็ง เหมาะกับมะเร็งผิวหนังระยะเริ่มต้น
3. การฉายแสง (Radiation Therapy)
ใช้ในกรณีไม่สามารถผ่าตัดได้ หรือใช้เสริมการรักษาหลังผ่าตัด
4. การใช้ยา
- Topical Chemotherapy: ใช้ครีมหรือเจลเคมีบำบัดเฉพาะที่
- Immunotherapy: กระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ต่อต้านเซลล์มะเร็ง
- Targeted Therapy และ Checkpoint Inhibitors: ใช้ในผู้ป่วยเมลาโนมาระยะลุกลาม
การป้องกันมะเร็งผิวหนัง
- หลีกเลี่ยงการออกแดดช่วงเวลา 10:00 – 16:00 น.
- สวมเสื้อผ้าแขนยาว หมวก แว่นกันแดด
- ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป
- หลีกเลี่ยงการใช้เตียงอบผิว (Tanning beds)
- ตรวจผิวหนังด้วยตนเองเดือนละครั้ง และพบแพทย์ผิวหนังปีละ 1 ครั้ง
แนวโน้มและงานวิจัยล่าสุด
งานวิจัยด้านภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) มีความก้าวหน้าอย่างมาก โดยเฉพาะการใช้ยากลุ่ม immune checkpoint inhibitors เช่น pembrolizumab และ nivolumab ช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตในผู้ป่วยเมลาโนมาระยะลุกลามได้อย่างชัดเจน
นอกจากนี้ยังมีการวิจัยพัฒนาเครื่องมือ AI สำหรับตรวจภาพถ่ายผิวหนังเพื่อวินิจฉัยมะเร็งได้แม่นยำในระดับเดียวกับแพทย์ผิวหนัง ซึ่งอาจมีบทบาทสำคัญในอนาคต
สรุป
มะเร็งผิวหนังสามารถรักษาให้หายขาดได้หากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้น การใส่ใจดูแลสุขภาพผิวหนัง หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง และตรวจสุขภาพเป็นประจำ เป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันโรคนี้ การให้ความรู้และรณรงค์ในชุมชนมีความสำคัญต่อการลดภาระจากโรคมะเร็งผิวหนังในระดับสังคม
