Systemic Therapy รักษามะเร็งตับระยะลุกลาม
Systemic Therapy หรือ การรักษาแบบระบบทั่วร่างกาย เป็นแนวทางการรักษามะเร็งตับ (Hepatocellular Carcinoma – HCC) ที่ใช้ยาในการกำจัดหรือควบคุมเซลล์มะเร็งทั่วทั้งร่างกาย ไม่ได้จำกัดเฉพาะจุดเหมือนการรักษาเฉพาะที่ (Local Therapy) เช่น การผ่าตัดหรือการทำ TACE
เป้าหมายของ Systemic Therapy ในการรักษามะเร็งตับ
- ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
- ชะลอการแพร่กระจายของมะเร็ง
- ลดขนาดก้อนมะเร็งและบรรเทาอาการ
- ยืดอายุผู้ป่วยและปรับปรุงคุณภาพชีวิต
ประเภทของ Systemic Therapy สำหรับมะเร็งตับ
1. การรักษาด้วยยาต้านมะเร็งแบบมุ่งเป้า (Targeted Therapy)
เป็นการใช้ยาที่ออกฤทธิ์เฉพาะเจาะจงกับเซลล์มะเร็งหรือกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของมะเร็ง เช่น การสร้างหลอดเลือดใหม่ที่ไปเลี้ยงก้อนมะเร็ง
ตัวอย่างยา:
- Sorafenib (Nexavar): ยาตัวแรกที่ได้รับการอนุมัติสำหรับรักษามะเร็งตับระยะลุกลาม โดยออกฤทธิ์ยับยั้งการสร้างหลอดเลือดใหม่และการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง
- Lenvatinib (Lenvima): ใช้เป็นทางเลือกแรกเหมือนกับ Sorafenib มีประสิทธิภาพในการลดขนาดก้อนมะเร็ง
- Regorafenib (Stivarga): ใช้สำหรับผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อ Sorafenib
- Cabozantinib (Cabometyx): ใช้สำหรับผู้ป่วยที่ล้มเหลวจากการรักษาด้วยยาอื่น ๆ
2. การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy)
เป็นการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ทำลายเซลล์มะเร็ง โดยการยับยั้งโปรตีนที่ช่วยให้เซลล์มะเร็งหลบเลี่ยงการโจมตีจากภูมิคุ้มกัน
ตัวอย่างยา:
- Atezolizumab + Bevacizumab: เป็นการใช้ยาภูมิคุ้มกันบำบัดร่วมกับยาต้านการสร้างหลอดเลือดใหม่ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่ดีกว่าการใช้ยา Targeted Therapy เดี่ยว ๆ
- Nivolumab (Opdivo): ยายับยั้ง PD-1 ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้กำจัดเซลล์มะเร็ง
- Pembrolizumab (Keytruda): ใช้ในผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่น ๆ
3. การรักษาด้วยยาเคมีบำบัด (Chemotherapy)
แม้ว่าเคมีบำบัดจะไม่ใช่วิธีหลักในการรักษามะเร็งตับ เนื่องจากมะเร็งตับมักดื้อต่อยาเคมีบำบัด แต่ในบางกรณีอาจมีการใช้ร่วมกับการรักษาอื่น ๆ
ตัวอย่างยา:
- Doxorubicin
- Cisplatin
โดยส่วนใหญ่จะใช้ในกรณีที่ไม่มีทางเลือกในการรักษาอื่น ๆ หรือเป็นส่วนหนึ่งของการทำ TACE
ข้อดีของ Systemic Therapy ในการรักษามะเร็งตับ
- รักษาเซลล์มะเร็งทั่วร่างกาย: มีประสิทธิภาพในการควบคุมการกระจายของมะเร็ง
- เหมาะกับมะเร็งระยะลุกลาม: ใช้ได้ในกรณีที่มะเร็งลุกลามไปยังหลอดเลือดหรืออวัยวะอื่น
- ใช้ร่วมกับการรักษาอื่น ๆ ได้: เช่น การทำ TACE หรือ RFA เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการรักษา
ข้อจำกัดของ Systemic Therapy
- ผลข้างเคียง: อาจมีอาการข้างเคียง เช่น อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ท้องเสีย หรือความดันโลหิตสูง
- ประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับผู้ป่วย: ไม่ใช่ผู้ป่วยทุกคนจะตอบสนองต่อการรักษานี้
- ค่าใช้จ่ายสูง: ยาที่ใช้ในการรักษาประเภทนี้มีราคาสูง และบางชนิดอาจยังไม่ครอบคลุมในระบบประกันสุขภาพ
Systemic Therapy เป็นทางเลือกสำคัญในการรักษามะเร็งตับ โดยเฉพาะในระยะลุกลามหรือเมื่อการรักษาเฉพาะที่ไม่ได้ผล ปัจจุบันการใช้ยาต้านมะเร็งแบบมุ่งเป้าและภูมิคุ้มกันบำบัดเป็นแนวทางที่ได้รับความนิยม เนื่องจากช่วยชะลอการลุกลามของโรคและยืดอายุผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
