ศูนย์ชีวารักษ์

ภาพประกอบของมะเร็งเต้านมที่แพร่กระจายไปยังปอด โดยไฮไลต์ที่เต้านมและปอด รวมภาพสำหรับเคมีบำบัด การบำบัดแบบกำหนดเป้าหมาย การบำบัดด้วยฮอร์โมน และการบำบัดด้วยภูมิคุ้มกัน

มะเร็งเต้านมลุกลามไปปอด อาการและการรักษา

เมื่อมะเร็งเต้านมลุกลามไปยังปอดมักจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มมะเร็งระยะที่ 4 ซึ่งเป็นระยะที่สำคัญ โดยผู้ป่วยประมาณ 60% มักพบว่ามะเร็งได้แพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น เช่น กระดูก หรือ ปอด โดยเฉพาะผู้ที่มี มะเร็งเต้านมชนิด triple-negative จะมีโอกาสพบการลุกลามไปที่ปอดมากกว่ากลุ่มอื่น

อาการของมะเร็งเต้านมที่ลุกลามไปยังปอด

อาการของมะเร็งเต้านมที่ลุกลามไปปอด มักคล้ายกับโรคทางเดินหายใจอื่นๆ จึงจำเป็นต้องทำการวินิจฉัยเพิ่มเติม อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่

  • ไอเรื้อรัง ที่ไม่หายขาด
  • มีเสมหะปนเลือด หรือเลือดออกขณะไอ
  • หายใจลำบาก หรือหายใจไม่ออก
  • เจ็บหรืออึดอัดในบริเวณทรวงอก

การวินิจฉัย

เพื่อยืนยันการแพร่กระจายของมะเร็ง มักใช้เครื่องมือวินิจฉัยดังนี้

  1. CT Scan: ช่วยให้เห็นภาพในบริเวณหน้าอกอย่างละเอียดเพื่อตรวจหาก้อนเนื้อ
  2. PET Scan: ช่วยแสดงการทำงานของเซลล์มะเร็งในปอด
  3. การตรวจเสมหะ: เพื่อตรวจหาว่ามีเซลล์มะเร็งในเสมหะหรือไม่
  4. การเจาะชิ้นเนื้อปอด: ใช้เพื่อตรวจสอบเนื้อเยื่อในปอดว่ามีเซลล์มะเร็งหรือไม่

แนวทางการรักษา

เมื่อมะเร็งเต้านมลุกลามไปที่ปอด การรักษามักใช้การรักษาแบบครอบคลุม เพื่อควบคุมโรค ลดอาการ และเพิ่มคุณภาพชีวิต วิธีการรักษาหลัก ได้แก่

1. เคมีบำบัด (คีโม)

ยาคีโมใช้ในการทำลายเซลล์มะเร็งและยับยั้งการเจริญเติบโตของก้อนเนื้อ ผู้ป่วยจะต้องติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง หากยาชนิดเดิมไม่ได้ผล การใช้ยาชนิดใหม่จะถูกพิจารณา

2. ยาพุ่งเป้า

 ในบางกรณีที่เหมาะสม อาจใช้ยาพุ่งเป้าควบคู่กับคีโม โดยยาพุ่งเป้าจะสร้างแอนติบอดีที่เข้าโจมตีเซลล์มะเร็งโดยเฉพาะ โดยไม่กระทบเซลล์ปกติ

3. ยาต้านฮอร์โมน

สำหรับผู้ป่วยที่มีตัวรับฮอร์โมน การรักษาด้วยยาต้านฮอร์โมนจะช่วยควบคุมการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง หากการรักษาด้วย tamoxifen ไม่ได้ผล อาจต้องเปลี่ยนไปใช้ยาในกลุ่ม Aromatase Inhibitors (AI) เช่น Femara หรือ Arimidex สำหรับผู้หญิงที่ยังไม่เข้าสู่วัยทอง อาจต้องทำการหยุดการทำงานของรังไข่ก่อน

4. ภูมิคุ้มกันบำบัด

เป็นการรักษาที่ใช้กระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง การรักษานี้สามารถช่วยชะลอการแพร่กระจายของมะเร็ง ลดขนาดก้อนเนื้อ และเพิ่มความสามารถของระบบภูมิคุ้มกันในการจัดการกับเซลล์มะเร็ง

5. การรักษาเฉพาะจุด

แม้ว่าการรักษาหลักจะเป็นการรักษาแบบครอบคลุม แต่ในบางกรณี เช่น เมื่อก้อนเนื้อก่อให้เกิดอาการรุนแรง อาจต้องใช้วิธีการรักษาเฉพาะจุด เช่น การฉายแสง หรือการผ่าตัด เพื่อช่วยลดความเจ็บปวดหรือปัญหาที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ หากผู้ป่วยมีอาการ น้ำท่วมปอด (pleural effusion) อาจต้องทำการเจาะท่อเพื่อระบายของเหลวในปอด

ภาพประกอบของมะเร็งเต้านมที่แพร่กระจายไปยังปอด โดยไฮไลต์ที่เต้านมและปอด รวมภาพสำหรับเคมีบำบัด การบำบัดแบบกำหนดเป้าหมาย การบำบัดด้วยฮอร์โมน และการบำบัดด้วยภูมิคุ้มกัน

การติดตามผลและการดูแล

ผู้ป่วยระยะที่ 4 ควรได้รับการติดตามอาการและตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เพื่อประเมินผลการรักษาและปรับแผนการรักษาตามความเหมาะสม เช่น การทำภาพถ่ายเอกซเรย์ การตรวจเลือด และการประเมินอาการอย่างต่อเนื่อง

การดูแลสุขภาพและการสนับสนุน

นอกจากการรักษาทางการแพทย์แล้ว การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมก็สำคัญเช่นกัน ข้อแนะนำเพิ่มเติม ได้แก่

  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: เน้นอาหารที่เสริมสร้างภูมิคุ้มกันและบำรุงสุขภาพ
  • ออกกำลังกายเบาๆ: การออกกำลังกายที่เหมาะสมช่วยเพิ่มความแข็งแรงและการทำงานของปอด
  • การดูแลสุขภาพจิต: ผู้ป่วยอาจเผชิญกับความเครียดและความกังวล จึงควรมีที่ปรึกษาหรือกลุ่มสนับสนุนเพื่อช่วยจัดการกับปัญหาด้านจิตใจ

เมื่อมะเร็งเต้านมลุกลามไปยังปอด การรักษาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญในการควบคุมโรค ผู้ป่วยมีหลายทางเลือกในการรักษา เช่น เคมีบำบัด ยาพุ่งเป้า ยาต้านฮอร์โมน และภูมิคุ้มกันบำบัด การตรวจพบการแพร่กระจายตั้งแต่เนิ่นๆ และแผนการรักษาที่เหมาะสมสามารถช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้

สอบถามและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เบอร์ติดต่อ 0638166058

สอบถามข้อมูลการรักษา

เพิ่มเพื่อน

แชร์บทความ
thTH
X