ศูนย์ชีวารักษ์

ภาพแสดงกระบวนการรักษา HIPEC โดยใช้ยาเคมีบำบัดอุ่นหมุนเวียนในช่องท้องหลังการผ่าตัดกำจัดมะเร็ง

HIPEC คือ? รักษามะเร็งเยื่อบุช่องท้องด้วยเคมีบำบัดอุ่น

HIPEC (Hyperthermic Intraperitoneal Chemotherapy) เป็นนวัตกรรมการรักษามะเร็งที่แพร่กระจายไปยังเยื่อบุช่องท้อง (Peritoneal Surface Malignancies) โดยการให้ยาเคมีบำบัดที่ถูกทำให้อุ่นเข้าสู่ช่องท้องโดยตรงหลังการผ่าตัดกำจัดมะเร็ง (Cytoreductive Surgery – CRS) วิธีนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของยาเคมีบำบัด และลดผลข้างเคียงต่ออวัยวะอื่น ๆ

กลไกการทำงานของ HIPEC

  1. ความร้อน (Hyperthermia)

  • ยาเคมีบำบัดถูกทำให้อุณหภูมิอยู่ที่ 41–43°C
  • เพิ่มการซึมผ่านของยาเข้าสู่เซลล์มะเร็ง
  • ทำลายกลไกการซ่อมแซม DNA ของเซลล์มะเร็ง
  • กระตุ้นการตายของเซลล์มะเร็ง (Apoptosis)
  1. การให้ยาเคมีบำบัดในช่องท้อง (Local Delivery)

  • ยาเคมีบำบัดจะถูกฉีดเข้าไปในช่องท้องโดยตรง
  • ให้ความเข้มข้นของยาในบริเวณที่ต้องการสูงกว่าวิธีให้ยาเข้าทางหลอดเลือดดำ
  • ลดผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัดต่อร่างกายโดยรวม

HIPEC ใช้รักษาโรคอะไรบ้าง?

HIPEC มักใช้ร่วมกับ CRS เพื่อรักษามะเร็งที่แพร่กระจายภายในช่องท้อง เช่น

  1. Peritoneal Carcinomatosis: มะเร็งแพร่กระจายจากลำไส้ใหญ่, กระเพาะอาหาร
  2. มะเร็งรังไข่: โดยเฉพาะกรณีที่โรคกลับมาเป็นซ้ำ
  3. Pseudomyxoma Peritonei (PMP): ภาวะเนื้องอกเมือกจากไส้ติ่ง
  4. Mesothelioma: มะเร็งเยื่อบุช่องท้องที่พบได้ไม่บ่อย

กระบวนการรักษาด้วย HIPEC

  1. การผ่าตัดกำจัดมะเร็ง (Cytoreductive Surgery – CRS)

  • ศัลยแพทย์จะพยายามตัดก้อนมะเร็งที่มองเห็นออกให้มากที่สุด
  • เป้าหมายคือเหลือเซลล์มะเร็งระดับจุลภาคให้น้อยที่สุด
  1. การให้ยาเคมีบำบัดแบบอุ่น (HIPEC Treatment)

  • ใช้ยาเคมีบำบัดที่ถูกทำให้อุ่น เช่น Mitomycin C หรือ Cisplatin
  • หมุนเวียนยาในช่องท้องเป็นเวลา 60–120 นาที
  • ช่วยเพิ่มการดูดซึมยาโดยไม่ทำลายเซลล์ปกติในร่างกาย

ข้อดีของ HIPEC

  • เพิ่มประสิทธิภาพการกำจัดเซลล์มะเร็ง: ความร้อนช่วยเพิ่มการซึมของยาเข้าสู่เซลล์มะเร็ง
  • ลดความเสี่ยงของการกลับมาเป็นซ้ำ: กำจัดเซลล์มะเร็งที่เหลือหลังการผ่าตัด
  • ลดผลข้างเคียงจากยาเคมีบำบัด: เพราะยาไม่เข้าสู่ระบบไหลเวียนโลหิตทั้งหมด
  • เพิ่มอัตราการรอดชีวิต: มีการศึกษาที่แสดงว่า HIPEC ช่วยให้ผู้ป่วยบางกลุ่มมีชีวิตยืนยาวขึ้น

ข้อจำกัดของ HIPEC

  •  ไม่เหมาะสำหรับมะเร็งทุกชนิด: HIPEC มีประสิทธิภาพดีที่สุดในมะเร็งที่แพร่กระจายเฉพาะในช่องท้อง
  • ต้องการทีมแพทย์เฉพาะทาง: ศัลยแพทย์ต้องมีความเชี่ยวชาญสูง
  • มีความเสี่ยงจากการผ่าตัด: อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น เลือดออกหรือติดเชื้อ
  • ค่าใช้จ่ายสูง: ต้องใช้อุปกรณ์และทีมแพทย์ที่เชี่ยวชาญ

ขั้นตอนการรักษา HIPEC

1.การประเมินผู้ป่วย

  • ตรวจร่างกายและประเมินว่าผู้ป่วยเหมาะกับการรักษาหรือไม่
  • ตรวจวินิจฉัยมะเร็ง เช่น CT Scan หรือ MRI
  • ประเมินสภาพร่างกายและการทำงานของอวัยวะที่สำคัญ

2.การผ่าตัดกำจัดมะเร็ง (Cytoreductive Surgery, CRS)

  • ศัลยแพทย์ทำการผ่าตัดเพื่อนำเนื้องอกและเซลล์มะเร็งออกให้มากที่สุด
  • อาจต้องตัดอวัยวะที่ได้รับผลกระทบ เช่น ส่วนของลำไส้ ม้าม หรือเยื่อบุช่องท้อง

3.กระบวนการ HIPEC

  • หลังการผ่าตัด ศัลยแพทย์จะวางท่อเข้าไปในช่องท้องเพื่อลำเลียงยาเคมีบำบัด
  • ใช้เครื่องปั๊มหมุนเวียนยาเคมีบำบัดที่ถูกทำให้อุ่น (42-43°C) เข้าไปในช่องท้อง
  • ปล่อยยาไหลเวียนอยู่ในช่องท้องประมาณ 60-90 นาที
  • ความร้อนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของยาและลดการทำลายเซลล์ปกติ

4.การล้างยาและปิดแผล

  • หลังจากครบระยะเวลาที่กำหนด ยาเคมีบำบัดจะถูกระบายออก
  • ล้างช่องท้องและปิดแผลผ่าตัด

5.การพักฟื้นหลังการรักษา

  • ผู้ป่วยต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลประมาณ 7-14 วัน
  • อาจมีอาการข้างเคียง เช่น ปวดท้อง คลื่นไส้ หรืออ่อนเพลีย
  • ต้องติดตามอาการอย่างใกล้ชิดและอาจได้รับการทำเคมีบำบัดเพิ่มเติม

สรุป HIPEC ดีไหม? เหมาะกับใครบ้าง?

  • เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีมะเร็งแพร่กระจายเฉพาะในช่องท้อง
  • ใช้ร่วมกับการผ่าตัดกำจัดมะเร็ง (CRS)
  • มีประสิทธิภาพสูงในมะเร็งเยื่อบุช่องท้อง, มะเร็งรังไข่, PMP และ Mesothelioma
  • ช่วยลดอัตราการกลับมาเป็นซ้ำและเพิ่มอัตราการรอดชีวิต

หากสนใจการรักษาด้วย HIPEC ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อประเมินความเหมาะสมของวิธีการรักษา

ภาพแสดงกระบวนการรักษา HIPEC โดยใช้ยาเคมีบำบัดอุ่นหมุนเวียนในช่องท้องหลังการผ่าตัดกำจัดมะเร็ง

สอบถามและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เบอร์ติดต่อ 0638166058

สอบถามข้อมูลการรักษา

เพิ่มเพื่อน

แชร์บทความ
thTH
X